ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “EDL-Gen” เป็น “BBB-” จาก “BBB” แนวโน้ม “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 14, 2021 17:33 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ EDL-Generation Public Company (EDL-Gen) เป็นระดับ ?BBB-? แนวโน้ม ?Negative? หรือ ?ลบ? จากเดิมที่ระดับ ?BBB? แนวโน้ม ?Negative? หรือ ?ลบ? โดยการปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) เป็นระดับ ?BBB-? แนวโน้ม ?Negative? หรือ ?ลบ? จากเดิมที่ระดับ ?BBB? แนวโน้ม ?Negative? หรือ ?ลบ? ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นี้

อันดับเครดิตของ EDL-Gen ที่ระดับ ?BBB-? สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับสถานะของบริษัทที่เป็นบริษัทย่อยหลักของ Electricite du Laos (EDL) รวมถึงสถานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจของ สปป. ลาว และบทบาทที่สำคัญของบริษัทในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าใน สปป. ลาว ในขณะที่ EDL ก็เป็นรัฐวิสาหกิจของ สปป. ลาว ซึ่งมีรัฐบาล สปป. ลาว เป็นผู้ถือหุ้น 100% ด้วยเช่นกัน ดังนั้น สถานะเครดิตของ EDL จึงเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของ สปป. ลาว

ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Standalone Credit Profile ? SACP) ที่ ?bbb-? นั้นสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแรงของบริษัทในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าใน สปป. ลาว ตลอดจนผลการดำเนินงานซึ่งเป็นที่ยอมรับ และการมีโรงไฟฟ้าที่กระจายตัวเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทก็มีข้อจำกัดจากสถานะทางการเงินที่อ่อนแอลงของ EDL ซึ่งเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าที่บริษัทผลิตแต่เพียงผู้เดียว

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะเครดิตของ EDL และ สปป. ลาว

สถานะเครดิตของ EDL-Gen สะท้อนถึงสถานะเครดิตของ EDL และ สปป. ลาว ทั้งนี้ EDL-Gen เป็นบริษัทย่อยหลักของ EDL โดยสืบทอดบทบาทในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าป้อนให้แก่ประเทศแทน EDL มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ในขณะเดียวกัน EDL ก็เป็นลูกค้ารายเดียวของ EDL-Gen และยังเป็นเจ้าของระบบสายส่งแรงสูงของประเทศแต่เพียงผู้เดียวอีกด้วย ดังนั้น EDL-Gen จึงมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ EDL ภายใต้โครงสร้างดังกล่าว

EDL มีอิทธิพลต่อทิศทางธุรกิจของ EDL-Gen ในหลายแง่ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัท โครงสร้างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในอนาคต รวมถึงนโยบายในการจ่ายเงินปันผล เป็นต้น

EDL เป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งมีกระทรวงการเงินของ สปป. ลาว หรือ Ministry of Finance of Lao PDR (MOFL) เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ดังนั้น สถานะเครดิตของ EDL จึงสะท้อนถึงความเป็นไปได้ในระดับสูงที่รัฐบาล สปป. ลาว จะให้การสนับสนุนในภาวะที่ EDL เผชิญกับความยากลำบาก โดยความเป็นไปได้ดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ทั้ง EDL และ EDL-Gen ต่างก็มีบทบาทสำคัญตามแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าของ สปป. ลาว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแผนพัฒนาประเทศเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของ สปป. ลาว

มีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของ สปป. ลาว

EDL-Gen เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของ สปป. ลาว โดย ณ เดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 1,683 เมกะวัตต์ ซึ่งกำลังการผลิตจำนวน 939 เมกะวัตต์ (หรือ 56%) เป็นไฟฟ้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 744 เมกะวัตต์ (หรือ 44%) เป็นไฟฟ้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกซึ่งส่วนใหญ่ส่งให้แก่ประเทศไทย โดยกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทนั้นคิดเป็นประมาณ 16% ของกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดใน สปป. ลาว สำหรับตลาดในประเทศนั้น EDL-Gen เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ประมาณ 22% ของไฟฟ้าที่ใช้ใน สปป. ลาว

ในปี 2563 กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของ EDL-Gen ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าการโอนโรงไฟฟ้า 3 แห่งจาก EDL จะมีความล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 บริษัทได้ซื้อหุ้นในสัดส่วน 20% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ?Nam Tha 1? จาก EDL ส่งผลให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 34 เมกะวัตต์รวมเป็น 1,683 เมกะวัตต์ สำหรับในปี 2564 นั้น บริษัทคาดว่าจะสามารถรับโอนโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 187 เมกะวัตต์รวมถึงรับโอนหุ้นในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (Independent Power Producer -- IPP) จำนวน 2 แห่งซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 27 เมกะวัตต์จาก EDL ได้ ในการนี้ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่ากำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของ EDL-Gen จะเพิ่มเป็น 1,897 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564 จาก 1,683 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563

อุปทานไฟฟ้าส่วนเกินคาดว่าจะผ่อนคลายลง

ณ สิ้นปี 2563 สปป. ลาว มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้นประมาณ 10,400 เมกะวัตต์ โดยกำลังการผลิตประมาณ 5,900 เมกะวัตต์เป็นการส่งออกไปยังประเทศไทย (96%) และกัมพูชา (4%) ส่วนกำลังการผลิตที่เหลืออีกประมาณ 4,500 เมกะวัตต์นั้นเป็นกำลังการผลิตสำหรับตลาดภายในประเทศ ในขณะที่อุปสงค์ในการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศสูงสุดของ สปป. ลาว อยู่ที่ประมาณ 1,100-1,200 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ หากใช้สมมติฐานอัตราความสามารถในการผลิต (Capacity Factor) ที่ประมาณ 50% ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแล้วก็คาดว่า สปป. ลาว จะมีอุปทานส่วนเกินของกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ประมาณ 1,000-1,500 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563

สถานการณ์อุปทานส่วนเกินของไฟฟ้าใน สปป. ลาว นั้นคาดว่าจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลง โดยโรงไฟฟ้า IPP บางแห่งซึ่งปัจจุบันจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในประเทศจะเพิ่มการส่งออกไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนามและกัมพูชา โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ?Donsahong? (ขนาด 260 เมกะวัตต์) นั้นปัจจุบันได้ส่งออกไฟฟ้าจำนวน 195 เมกะวัตต์ไปยังประเทศกัมพูชาตั้งแต่ปลายปี 2562 ส่วนโครงการ ?Nam San 3A? และ ?Nam San 3B? ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันทั้งสิ้น 114 เมกะวัตต์นั้นคาดว่าจะสามารถส่งออกไฟฟ้าไปยังประเทศเวียดนามได้ในปี 2565 ซึ่งการส่งออกไฟฟ้าจากโครงการเหล่านี้น่าจะช่วยทยอยลดกำลังการผลิตส่วนเกินภายในประเทศลงได้ ทั้งนี้ สปป. ลาว มีบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding -- MOU) ที่จะส่งออกไฟฟ้าจำนวน 9,000 เมกะวัตต์ให้แก่ประเทศไทย กับอีกจำนวน 6,000 เมกะวัตต์ให้แก่ประเทศกัมพูชา จำนวน 5,000 เมกะวัตต์ให้แก่ประเทศเวียดนาม และประมาณ 320 เมกะวัตต์ให้แก่ประเทศมาเลเซีย

การใช้ไฟฟ้าใน สปป. ลาว นั้น มีอัตราการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าที่ประมาณ 12% ต่อปีในช่วงปี 2558-2562 ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ในปี 2563 แต่การใช้ไฟฟ้าใน สปป. ลาว ยังเพิ่มขึ้นถึง 17.9% คิดเป็น 7,779 กิกกะวัตต์-ชั่วโมง (ล้านหน่วย) ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตทางเศษฐกิจของประเทศซึ่งวัดจากผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product-- GDP) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3% ถึงเกือบ 6 เท่า ซึ่งอัตราการใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูงนี้คาดว่าจะช่วยผ่อนคลายสถานการณ์อุปทานส่วนเกินในระยะปานกลางลงได้

สถานะทางการเงินของ EDL อ่อนแอมากขึ้นในปี 2563

สถานะทางการเงินของ EDL อ่อนแอลงมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์อุปทานส่วนเกินของไฟฟ้าภายในประเทศและความต้องการใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากสำหรับการพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้าของประเทศ การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 นั้นก็มีส่วนทำให้สถานะทางการเงินของ EDL ในปี 2563 อ่อนแอลงไปอีกเช่นกันเนื่องจาก EDL ต้องลดค่าไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในขณะที่ราคาซื้อไฟฟ้ายังคงเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ลงนามไว้กับผู้ผลิตเอกชน

EDL-Gen จึงยังคงมีความเสี่ยงจากการได้รับการชำระเงินจาก EDL โดย ณ สิ้นปี 2563 นั้น EDL ค้างชำระค่าไฟฟ้าให้แก่บริษัทจำนวน 1.3 ล้านล้านกีบ ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากกว่าค่าไฟฟ้าที่บริษัทจำหน่ายให้แก่ EDL สำหรับปี 2563 ทั้งปีที่จำนวน 1.2 ล้านล้านกีบ

ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในปี 2563 เป็นที่น่าพอใจ

แม้ว่าพื้นที่ทางตอนเหนือของ สปป. ลาว จะประสบกับปัญหาภัยแล้งถึง 2 ปีติดต่อกัน แต่บริษัทก็ยังมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจในปี 2563 โดยบริษัทจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 2,308 ล้านหน่วยให้แก่ EDL ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนอันเป็นผลจากการที่บริษัทมีโรงไฟฟ้ากระจายตัวเป็นอย่างดีในหลายพื้นที่ รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้น 10.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยอยู่ที่ 1.17 ล้านล้านกีบในปี 2563 จาก 1.06 ล้านล้านกีบในปี 2562 (ไม่รวมรายได้พิเศษจำนวน 1.59 แสนล้านกีบ) ทั้งนี้ บริษัทได้รับประโยชน์จากปริมาณน้ำที่มากขึ้นของโรงไฟฟ้าของบริษัทที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า IPP นั้นก็เพิ่มขึ้น 47% มาอยู่ที่ 4.98 แสนล้านกีบในปี 2563 จาก 3.39 แสนล้านกีบในปี 2562

ทริสเรทติ้งประมาณการว่ารายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5-1.9 ล้านล้านกีบต่อปีในระหว่างปี 2564-2566 ซึ่งสะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งว่าการรับโอนโรงไฟฟ้าจาก EDL จะสำเร็จตามแผน

มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

บริษัทมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นอย่างมากเนื่องจากความไม่สอดคล้องกันของสกุลเงินในส่วนของรายรับและรายจ่าย โดยโครงสร้างรายได้ของบริษัทประมาณ 52% เป็นเงินกีบลาว ในขณะที่ 44% เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอีก 4% เป็นเงินบาทไทย ในขณะที่เงินกู้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีเงินกู้ตามที่รายงานในงบการเงินรวมทั้งสิ้น 14.6 ล้านล้านกีบ โดยเป็นเงินกู้ในสกุลเงินบาทประมาณ 51% และในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 47% ส่วนอีก 2% อยู่ในสกุลเงินยูโรและเยน

ด้วยเหตุที่ค่าเงินกีบอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินในสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท บริษัทจึงมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่จำนวน 4.54 หมี่นล้านบาทสำหรับการดำเนินงานในปี 2563

มีการลงทุนพอประมาณในช่วงปี 2564-2566

ในช่วงปี 2564-2566 บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 7.7 ล้านล้านกีบ โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะใช้สำหรับการซื้อหุ้น 100% ในโรงไฟฟ้าของ EDL จำนวน 4 แห่งรวมถึงซื้อหุ้นในโครงการ IPP จำนวน 2 แห่งจาก EDL และลงทุนโดยตรงในโครงการ IPP ใหม่อีก 2 แห่ง นอกจากนี้ ยังจะลงทุนในการขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ รวมถึงพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ และใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมบำรุงด้วย จากประมาณการเงินลงทุนจำนวน 7.7 ล้านล้านกีบนั้น บริษัทได้ชำระค่าหุ้นล่วงหน้าในหลาย ๆ โครงการให้แก่ EDL ไปแล้วจำนวน 2.2 ล้านล้านกีบ ในขณะที่อีกประมาณ 5 ล้านล้านกีบนั้นบริษัทจะเป็นเงินกู้โครงการของโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่รับโอนมาจาก EDL ทั้งนี้ กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของ EDL-Gen นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ในปี 2566

ภาระหนี้เงินกู้จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป

ณ สิ้นปี 2563 เงินกู้รวมของบริษัทตามที่รายงานในงบการเงินรวมจำนวน 14.6 ล้านล้านกีบนั้นเพิ่มขึ้นจากจำนวน 13.9 ล้านล้านกีบที่รายงานไว้ ณ สิ้นปี 2562 เงินกู้ที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นของบริษัท โดยบริษัทมีรายการลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1.37 ล้านล้านกีบ ณ สิ้นปี 2563 จากยอดค้างชำระค่าซื้อไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ EDL อย่างไรก็ตาม บริษัทและ EDL อยู่ในระหว่างขั้นตอนการลดภาระดังกล่าวลงโดยการหักกลบกันระหว่างรายได้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและเงินกู้ที่บริษัทต้องชำระคืน EDL ตามสัญญาเงินกู้

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีภาระหนี้ที่สูงขึ้นจากหนี้ของโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่รับโอนมาจาก EDL เป็นหลัก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีหนี้ที่รับโอนเข้ามาจำนวนประมาณ 5 ล้านล้านกีบในระหว่างปี 2564-2566 ซึ่งอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นและอยู่ในช่วง 60%-65% ในระหว่างปี 2564-2566 จากระดับ 61.3% ณ สิ้นปี 2563

กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นหลังปี 2564

จากประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านล้านกีบในปี 2566 จาก 1.1 ล้านล้านกีบในปี 2563 เมื่อบริษัทรับรู้ผลประโยชน์จากการซื้อโรงไฟฟ้าและหุ้นในโรงไฟฟ้า IPP จาก EDL อย่างเต็มที่แล้ว โดยภายในปี 2566 โรงไฟฟ้าเกือบทั้งหมดของบริษัทจะมีผลการดำเนินงานเต็มปี

จากประมาณการบนพื้นฐานระดับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ตลอดจนเงินลงทุน และแผนการลงทุนของบริษัทแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 8-10 เท่าในระหว่างปี 2564-2566 จากระดับประมาณ 13.2 เท่าในปี 2563

สถานะสภาพคล่องต้องติดตามต่อไป

สำหรับปี 2564 นั้น แหล่งที่มาของเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นปี 2563 จำนวน 3.57 แสนล้านกีบ และเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 1 ล้านล้านกีบ ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในปี 2564 ประมาณ 2.8 ล้านล้านกีบ ซึ่งภาระหนี้จำนวน 9.84 แสนล้านกีบนั้นส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวจาก EDL และกระทรวงการเงินของ สปป. ลาว และส่วนที่เหลืออีกจำนวนประมาณ 1.84 ล้านล้านกีบ (หรือประมาณ 5.8 พันล้านบาท) นั้นเป็นหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระคืนในปี 2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะต้องทำการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อนำมาชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2564 และยังคาดว่ากระทรวงการเงินของ สปป. ลาว จะให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทอย่างเต็มที่หากบริษัทไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้ครบจำนวนตามแผน

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าของ EDL-Gen จะอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.9 ล้านล้านกีบต่อปีในระหว่างปี 2564-2566

? ภาวะอุปทานส่วนเกินและภาวะคอขวดของระบบสายส่งใน สปป. ลาว คาดว่าจะเริ่มคลี่คลายลงในปี 2565

? อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) จะอยู่ที่ประมาณ 80% ตลอดระยะเวลาประมาณการ

? เงินลงทุนในช่วงปี 2564-2566 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7.7 ล้านล้านกีบ โดยประกอบด้วยค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงประจำปี การซื้อโรงไฟฟ้าจาก EDL การซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้า IPP จาก EDL รวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ และการลงทุนในโรงไฟฟ้า IPP อื่น ๆ

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงแนวโน้มอันดับเครดิตของ สปป. ลาว โดยทริสเรทติ้งคาดว่าโครงสร้างธุรกิจและระดับของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและ EDL จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันอีกทั้ง EDL จะยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่ใน EDL-Gen และจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล สปป. ลาว ต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของ สปป. ลาว จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงสถานะเครดิตของ EDL และสถานะอันดับเครดิตประเทศของ สปป. ลาว

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ, 30 กรกฎาคม 2563

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

EDL-Generation Public Company (EDL-Gen)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

EDLGEN217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,810.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB-

EDLGEN21DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB-

EDLGEN227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,085.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB-

EDLGEN237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,078.1 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB-

EDLGEN247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,660.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB-

EDLGEN24DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB-

EDLGEN257A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,443.1 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB-

EDLGEN287A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,897.9 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 BBB-

EDLGEN307A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 809.8 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 BBB-

EDLGEN311A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,093.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 BBB-

EDLGEN337A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,621.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2576 BBB-

EDLGEN239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไถ่ถอนปี 2566 BBB-

EDLGEN269A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไถ่ถอนปี 2569 BBB-

EDLGEN289A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไถ่ถอนปี 2571 BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ