ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ไพร์ม โรด เพาเวอร์” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 30, 2021 13:48 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงประสบการณ์ของบริษัทในการพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการที่บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานการไฟฟ้าต่าง ๆ ของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนจากการที่ธุรกิจของบริษัทมีขนาดเล็กและจากความเสี่ยงในการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ในต่างประเทศ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ระดับการก่อหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการขยายธุรกิจของบริษัทอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีผลงานที่ยอมรับได้ในการพัฒนาและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์

ความแข็งแกร่งของบริษัทเกิดจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับในการพัฒนาและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โดยบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากการเริ่มพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในปี 2554 ซึ่งมีกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 72 เมกกะวัตต์ หลังจากนั้นบริษัทก็ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน และกัมพูชา

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 กำลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 273 เมกะวัตต์ ในจำนวนนี้ประมาณ 159 เมกะวัตต์ได้ดำเนินการผลิตแล้ว ทั้งนี้ หากนับตามสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าแล้ว บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งสิ้นประมาณ 178 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศไทย (64 เมกะวัตต์) ประเทศกัมพูชา (60 เมกะวัตต์) ประเทศไต้หวัน (40 เมกะวัตต์) และประเทศญี่ปุ่น (14 เมกะวัตต์)

กระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้า

ในการพิจารณาอันดับเครดิต ทริสเรทติ้งคำนึงถึงความเสี่ยงในระดับต่ำซึ่งเป็นธรรมชาติของธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดยแม้บริษัทเพิ่งขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ อันประกอบด้วยการรับเหมาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนหลังคา การจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ด้านไฟฟ้า และนวัตกรรมใหม่ ๆ แต่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะยังคงเป็นธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ความเสี่ยงในระดับต่ำซึ่งเป็นธรรมชาติของธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้นเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเสี่ยงในการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำ ความเสี่ยงในการได้รับชำระเงินจากผู้รับซื้อไฟฟ้าที่อยู่ในระดับต่ำ และการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว เป็นต้น

พลังแสงอาทิตย์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณที่คาดการณ์และสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอน บริษัทเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้ามากกว่า 30 แห่งในพื้นที่ที่หลากหลายซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกในด้านการกระจายตัวของพื้นที่ ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปริมาณไฟฟ้ารวมต่อปีที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ของบริษัทเป็นไปตามปริมาณไฟฟ้าที่คาดว่าจะผลิตได้ตามความน่าจะเป็นที่ 75% (ระดับ P75) ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของโรงไฟฟ้าเหล่านี้ทรงตัวอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ประมาณ 80%

ธุรกิจผลิตไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการได้รับชำระเงินจากผู้รับซื้อไฟฟ้าในระดับต่ำเพราะโรงไฟฟ้าของบริษัทส่วนใหญ่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานด้านไฟฟ้าภาครัฐ โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวมีระยะเวลาที่ยาวนานสูงสุดถึง 25 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยับขยายไปสู่การจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ภาคเอกชน ซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาคเอกชนโดยทั่วไปนั้นมีความเสี่ยงในการได้รับชำระเงินจากผู้รับซื้อไฟฟ้าที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตภายใต้รูปแบบสัญญาดังกล่าวจะยังคงเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า 5% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัท

ธุรกิจมีขนาดเล็ก แต่อยู่ในช่วงการเติบโต

บริษัทกำลังอยู่ในช่วงของการเติบโตแต่ก็ยังมีขนาดเล็กอยู่ โดยทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 พันล้านบาทในปี 2566 จาก 495 ล้านบาทในปี 2563 ภายใต้สมมติฐานว่าบริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ปีละ 30 เมกะวัตต์เพิ่มเติมจากเดิมที่มีตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้าเมื่อพิจารณาจากกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท ซึ่งทำให้คาดว่ารายได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 920 ล้านบาทในปี 2566 จาก 347 ล้านบาทในปี 2563 ส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ 3 ธุรกิจซึ่งประกอบไปด้วยการรับเหมาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนหลังคา การจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงาน และนวัตกรรมใหม่ ๆ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้รวม โดยรายได้จากธุรกิจใหม่เหล่านี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของธุรกิจใหม่เหล่านี้ยังจำเป็นจะต้องรอการพิสูจน์ต่อไปเนื่องจากยังอยู่ในระยะเริ่มต้น

ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้าโดยจะอยู่ที่ 929 ล้านบาทในปี 2566 จาก 487 ล้านบาทในปี 2563 ทั้งนี้ 3 ใน 4 ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทนั้นน่าจะยังคงมาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีอัตรากำไรสูงต่อไปแม้ธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับ 50%-60% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับระดับ 66% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 โดยการลดลงของอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้สะท้อนถึงสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจใหม่ที่มีอัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจผลิตไฟฟ้า

ความเสี่ยงจากการจัดการโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในต่างประเทศ

ในสถานการณ์ที่โอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ภายในประเทศมีค่อนข้างจำกัดอันเนื่องมาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยที่อยู่ในระดับสูง ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะเน้นขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไต้หวันและกัมพูชาซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน

บริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 6 เมกะวัตต์แห่งแรกในประเทศไต้หวันในปี 2562 โดยมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวม 45 เมกะวัตต์ในประเทศไต้หวันที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกด้วย โครงการในต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทคือโครงการ ?National Solar Park? ซึ่งอยู่ในประเทศกัมพูชา การพัฒนาโครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ซึ่งบริษัทประมูลได้สัญญาในระยะแรกที่กำลังการผลิตขนาด 60 เมกะวัตต์โดยมีกำหนดการจ่ายไฟฟ้าในช่วงปลายปี 2565 ส่วนผลการประมูลโครงการในระยะที่ 2 (40 เมกะวัตต์) นั้นยังไม่มีการประกาศผล

ทริสเรทติ้งเห็นว่าการลงทุนในประเทศกัมพูชามีความเสี่ยงสูงกว่าในประเทศไทย โดยหนึ่งในนั้นก็คือความเสี่ยงของคู่สัญญาซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าสถานะเครดิตของการไฟฟ้ากัมพูชา (Electricity of Cambodia ? EDC) ที่เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าภาครัฐนั้นไม่เข้มแข็งเท่ากับของผู้รับซื้อไฟฟ้าภาครัฐในประเทศไทย ในขณะที่ประวัติผลงานในการผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ในประเทศกัมพูชานั้นก็ยังมีจำกัดอีกด้วยเนื่องจากยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา แต่การเข้ามามีบทบาทของธนาคารพัฒนาเอเชียซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการและผู้สนับสนุนทางการเงินหลักก็ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการพัฒนาลงได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าการควบคุมต้นทุนจะเป็นสิ่งท้าทายเนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในระยะแรกมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในระดับต่ำที่ 3.877 เซ็นต์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เนื่องจากกำลังการผลิตของโครงการนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 34% ของกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมที่คิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ณ เดือนมิถุนายน 2564 ผลการดำเนินงานของโครงการนี้จึงน่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงหลายปีข้างหน้า

การก่อหนี้จะเพิ่มสูงขึ้น

อันดับเครดิตมีปัจจัยลดทอนจากแนวโน้มที่หนี้สินจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงการขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัท โดยกระแสเงินสดเมื่อเทียบกับภาระหนี้นั้นมีแนวโน้มที่จะลดลงในช่วงของการลงทุน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่างบลงทุนของบริษัทจะอยู่ในช่วง 1.5-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 400-700 ล้านบาทต่อปีนั้นไม่น่าจะครอบคลุมงบลงทุนได้ทั้งหมด และจะทำให้บริษัทต้องหาแหล่งเงินทุนจากภายนอกเพื่อนำมาสนับสนุนการลงทุนใหม่ ๆ ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่มีการเพิ่มทุนนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8%-10% ในช่วงปี 2564-2566 จากระดับที่สูงกว่า 15% ในปีก่อน ๆ และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นเป็น 7-9 เท่าในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับระดับ 3.6 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2564 ในการนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มทุนเพื่อลดแรงกดดันจากระดับการก่อหนี้

ณ เดือนมีนาคม 2564 หนี้สินรวมของบริษัทมีจำนวน 1.8 พันล้านบาทซึ่งทั้งหมดเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน (Priority Debt) โดยหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนประกอบด้วยหนี้ที่มีหลักประกันจำนวน 1.6 พันล้านบาทและหนี้ที่ไม่มีหลักประกันอีกจำนวน 0.2 พันล้านบาทของบริษัทย่อย ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ 100% เนื่องจากสัดส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ของทริสเรทติ้งที่ 50% ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจะด้อยสิทธิ์กว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ไม่มีหลักประกันของบริษัทจะต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้น

สภาพคล่องน่าจะบริหารจัดการได้

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะบริหารจัดการสภาพคล่องได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ หนี้ของบริษัทเกือบทั้งหมดเป็นเงินกู้โครงการซึ่งแผนชำระคืนเงินกู้ค่อนข้างสอดคล้องกับกระแสเงินสดของโครงการนั้น ๆ โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทมีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 150-350 ล้านบาทต่อปีในขณะที่จะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 400-700 ล้านบาทต่อปี ส่วนยอดคงค้างของเงินกู้ระยะสั้นประมาณ 40 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2564 นั้นบริษัทน่าจะชำระด้วยเงินสดในมือที่มีอยู่ประมาณ 52 ล้านบาท

บริษัทไม่มีข้อกำหนดทางการเงินใด ๆ แต่บริษัทย่อยของบริษัทมีข้อกำหนดทางการเงินของเงินกู้โครงการที่ต้องดำรงอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ไม่น้อยกว่า 1.1-1.2 เท่าและรักษาอัตราส่วนเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนไม่เกิน 3-4 เท่า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทย่อยเหล่านี้สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้

สมมติฐานพื้นฐาน

? บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นปีละ 30 เมกะวัตต์ในช่วงระหว่างปี 2564-2566

? รายได้จากการดำเนินงานรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 พันล้านบาทในปี 2566

? อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ระหว่าง 50%-60%

? เงินลงทุนรวมจะอยู่ในช่วง 1.5-3 พันล้านบาทต่อปี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะยังคงสร้างผลการดำเนินงานให้แก่บริษัทเป็นหลัก อีกทั้งโรงไฟฟ้าของบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจและสร้างกระแสเงินสดที่เชื่อถือได้ต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและมีผลตอบแทนที่น่าพอใจ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีจำกัดในช่วงที่บริษัทมีการขยายการลงทุนจำนวนมาก แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถเพิ่มฐานกระแสเงินสดและพัฒนาผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยังรักษาโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแรงเอาไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ต่ำกว่าการคาดการณ์หรือเป้าหมายที่วางไว้อย่างมาก หรือหากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจเกิดจากการลงทุนโดยการก่อหนี้จำนวนมากและ/หรือความล่าช้าของโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (PRIME)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ