ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ดุสิตธานี” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 28, 2021 15:42 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ ?BBB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อไปอีกจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยังคงยืดเยื้อและจากการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการ ?ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค? โดย

ทริสเรทติ้งคาดว่าหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทจะอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 10 เท่าไปจนถึงปี 2567 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 หากการพัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คดำเนินไปได้ตามแผน

แนวโน้มอันดับเครดิตที่ยังคงเป็น ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในระดับสูงของสถานการณ์โรคโควิด 19 ตลอดจนความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและประสิทธิภาพของวัคซีน รวมทั้งแนวโน้มที่จะเกิดการกลายพันธุ์ของไวรัสซึ่งอาจทำให้เงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวยยังคงยืดเยื้อออกไปและส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอมากขึ้น

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจโรงแรมมีความยืดเยื้อ

ทริสเรทติ้งมองว่าการดำเนินธุรกิจโรงแรมของบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยนั้นจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ที่ไม่หยุดนิ่งต่อไปในอีกหลายไตรมาสข้างหน้าและอาจกินเวลายาวนานไปจนถึงปี 2567 จึงจะฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนการเกิดโรคโควิด 19 ได้

ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ของโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของจะลดลงประมาณ 60% ในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2562 และคาดว่า RevPAR จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าในปี 2562 อยู่ประมาณ 30% ส่วนในปี 2566 นั้นคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าในปี 2562 ที่ประมาณ 10%

ทั้งนี้ สมมติฐานดังกล่าวมาจากมุมมองของทริสเรทติ้งว่ามาตรการจำกัดการเดินทางในหลายรูปแบบจะยังดำเนินต่อไปในอีกหลายไตรมาสข้างหน้าจนกว่าการฉีดวัคซีนในประเทศไทยจะทำได้อย่างทั่วถึงและโรคระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ทั้งในประเทศและในหลายภูมิภาคที่สำคัญทั่วโลกซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงกลางปี 2565 โดยทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนอุปสงค์ห้องพักโรงแรมในประเทศไทยได้อย่างมาก ทั้งนี้ ในการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งดังกล่าวได้รวมถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในประเทศมัลดีฟส์ในปี 2565 ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าอาจกลับคืนสู่ระดับใกล้เคียงกับในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ ในขณะที่การดำเนินงานของ ?โรงแรมดุสิตธานี ฟิลิปปินส์? นั้นก็คาดว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ธุรกิจโรงแรมอยู่ในภาวะฟื้นตัว

ปัจจัยลบที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมยังคงเป็นวิวัฒนาการของโรคโควิด 19 และการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสซึ่งอาจเป็นปัจจัยขัดขวางการฟื้นตัวตามที่คาดการณ์เอาไว้ ความท้าทายของโรคโควิด 19 ที่ดำเนินอยู่อย่างยาวนานเช่นนี้ทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงปรับตัวให้ทันกับความไม่แน่นอนต่าง ๆ และดำเนินธุรกิจภายใต้แผนรองรับกับสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมายต่อไปได้

ภาวะกดดันด้านรายได้จะยังคงอยู่ต่อไปในปี 2564

ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2.8 พันล้านบาทในปี 2564 และจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 4 พันล้านบาทในปี 2565 และประมาณ 4.8 พันล้านบาทในปี 2566 โดยอยู่ภายใต้การคาดการณ์ว่าธุรกิจโรงแรมจะมีแนวโน้มฟื้นตัว ในขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารและธุรกิจการศึกษาของบริษัทนั้นก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการเรียนในรูปแบบออนไลน์ที่ต้องขยายเวลาต่อไป อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งก็คาดว่าธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้มีโอกาสในการฟื้นตัวที่เร็วกว่าธุรกิจโรงแรม

สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายติดลบที่ประมาณ 180 ล้านบาทในปี 2564 ก่อนที่จะปรับดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 0.6-1 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2566 โดยโครงการปรับแผนธุรกิจและความพยายามในการลดต้นทุนในหลาย ๆ ส่วนที่บริษัทดำเนินการอยู่นั้นน่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากรายได้และกำไรที่ลดลงได้บางส่วน

ภาระหนี้จะอยู่ในระดับสูงจนถึงปี 2567

ด้วยแนวโน้มผลกำไรของบริษัทที่อ่อนแอรวมทั้งภาระจากการลงทุนในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะอยู่ในระดับสูงโดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ในระดับเกินกว่า 10 เท่าไปจนถึงปี 2567 เป็นอย่างต่ำ

ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นมากจากการพัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คซึ่งเป็นโครงการผสมผสานขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างจำนวน 1.5-1.6 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2564-2568 ซึ่งเงินทุนที่ใช้ในการก่อสร้างส่วนใหญ่จะมาจากเงินชำระตามงวดที่ได้รับจากการขายโครงการที่พักอาศัยและโครงสร้างอาคารศูนย์การค้า ในการนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าผลกระทบของโรคโควิด 19 และภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงถดถอยอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความไม่แน่นอนในการขายโครงการที่พักอาศัยและบริษัทอาจทำให้บริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการ

นอกเหนือจากโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คแล้ว บริษัทยังมีแผนลงทุนในโครงการอื่น ๆ อีก อาทิ โครงการ ?โรงแรมอาศัย ไชน่าทาวน์? และ ?โรงแรมอาศัย สาทร? ตลอดจนโครงการโรงแรม 2 แห่งในประเทศญี่ปุ่น และโรงเรียนสอนทำอาหารด้วย ซึ่งทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนโดยไม่รวมโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คที่จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 650 ล้านบาทในปี 2564 ประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2565 และประมาณ 550 ล้านบาทในปี 2566

ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทที่ปรับปรุงแล้วจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุดที่ประมาณ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาทในปี 2566-2567 ก่อนที่บริษัทจะได้รับกระแสเงินสดจำนวนมากจากการขายและโอนโครงการที่พักอาศัยเข้ามาในปี 2568 ทั้งนี้ ประมาณการของทริสเรทติ้งยังได้พิจารณารวมไปถึงแผนของบริษัทในการที่จะบริหารสินทรัพย์และงบการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมซึ่งจะส่งผลต่อสถานะทางการเงินโดยรวมและช่วยบรรเทาภาระหนี้ของบริษัทได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย

ณ เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนจำนวน 1.2 พันล้านบาทจากจำนวนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งสิ้นที่จำนวน 5.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมที่ระดับ 22% ซึ่งต่ำกว่าระดับเพดานที่ 50% ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่ได้มีความเสียเปรียบเจ้าหนี้ที่มีสิทธิ์สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

ตามเงื่อนไขของข้อกำหนดทางการเงินที่สำคัญของเงินกู้ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้ต่ำกว่า 1.75 เท่านั้น ณ เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.18 เท่า ส่วนข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้ชุดใหม่ของบริษัทนั้นระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไม่ให้เกินกว่า 3 เท่า จากการคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งจึงคาดหวังว่าบริษัทจะบริหารจัดการสถานะทางการเงินอย่างรอบคอบเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้

สภาพคล่องตึงตัวแต่คาดว่าจะบริหารจัดการได้

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทอยู่ในภาวะตึงตัวแต่คาดว่าจะอยู่ในวิสัยที่สามารถบริหารจัดการได้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะบริหารจัดการสถานะสภาพคล่องอย่างระมัดระวังและสำรองเงินสดเอาไว้ให้เพียงพอเพื่อที่จะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากในการดำเนินงานไปได้

ทั้งนี้ แหล่งสภาพคล่องหลักของบริษัทที่จะนำไปใช้ในช่วงเวลา 18 เดือนข้างหน้าไปจนถึงปี 2565 นั้นประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 1.4 พันล้านบาทที่มี ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 รวมทั้งวงเงินสินเชื่อโครงการเพื่อใช้ดำเนินโครงการ ?โรงแรมอาศัย ไชน่าทาวน์? และ ?โรงแรมอาศัย สาทร? ที่เบิกใช้ได้ทันทีรวมทั้งสิ้นอีกจำนวน 670 ล้านบาท เงินที่ได้รับจากการขายกิจการ ?โรงแรมดุสิต ปรินซ์เซส เชียงใหม่? จำนวน 360 ล้านบาท เงินสดที่จะได้รับจากการขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คจำนวน 237 ล้านบาท เงินสดที่จะได้รับจากการพัฒนาโครงสร้างศูนย์การค้าตามสัญญาการพัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คจำนวน 822 ล้านบาท และเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2564 อีกจำนวน 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้รับการอนุมัติวงเงินสินเชื่อโครงการจากธนาคารเพื่อใช้สำหรับ โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค รวม 5.5 พันล้านบาทซึ่งบริษัทมีแผนจะเบิกใช้วงเงินกู้ประมาณ 1.3 พันล้านบาทในปี 2565 บริษัทยังมีเงินลงทุนในหุ้นของ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) คิดเป็นมูลค่าอีกประมาณ 600 ล้านบาท ณ วันที่ 27 กันยายน 2564 อีกด้วย ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะได้รับชำระเงินค่างวดจากการขายที่อยู่อาศัยในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คที่ประมาณ 0.5-1 พันล้านบาทในช่วงดังกล่าว อย่างไรก็ดี ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานติดลบที่ประมาณ 600 ล้านบาทในช่วงเวลาดังกล่าว

ในขณะที่ความจำเป็นในการใช้เงินทุนของบริษัทในระยะเวลา 18 เดือนข้างหน้าจะประกอบไปด้วยภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวนรวม 2.3 พันล้านบาท ภาระผูกพันในสัญญาเช่าดำเนินงานจำนวน 330-360 ล้านบาท และงบสำหรับแผนการลงทุนรวมอีกประมาณ 3.5 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพื่อใช้ชดเชยหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในเร็ว ๆ นี้บางส่วน

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้ RevPAR ของโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของจะอยู่ในระดับต่ำกว่าในปี 2562 ที่ประมาณ 60% ในปี 2564 และที่ประมาณ 30% ในปี 2565 และที่ประมาณ 10% ในปี 2566

? รายได้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 พันล้านบาทในปี 2564 และจะปรับตัวดีขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาทในปี 2565 และประมาณ 4.8 พันล้านบาทในปี 2566

? อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะติดลบที่ประมาณ 180 ล้านบาทในปี 2564 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 0.6-1 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566

? บริษัทจะมีแผนลงทุนซึ่งรวมโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คที่ประมาณ 1.9 พันล้านบาทในปี 2564 ประมาณ 2.6 พันล้านบาทในปี 2565 และประมาณ 5.4 พันล้านบาทในปี 2566

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ไม่แน่นอนและยืดเยื้อซึ่งจะยังคงส่งผลกดดันต่อผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทต่อไปอีกอย่างน้อยในระยะเวลา 12-18 เดือนข้างหน้า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มีความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้และสถานะทางการเงินของบริษัทเสื่อมถอยลงมากกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดไว้อย่างมีนัยสำคัญ หรือสถานะสภาพคล่องของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมาก แนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? ได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและบริษัทสามารถดำรงสถานะสภาพคล่องเอาไว้ได้อย่างเพียงพอที่จะรองรับภาวะผันผวนใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DUSIT)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

DUSIT237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ