ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ไทยวา” ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 27, 2021 13:58 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะในการแข่งขันของบริษัทในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง รวมถึงการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารตลอดจนนโยบายทางการเงินของผู้บริหารที่ค่อนข้างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวก็ถูกลดทอนบางส่วนจากธรรมชาติที่เป็นวงจรขึ้นลงของสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่นราคาแป้งมันสำปะหลังที่ผันผวน รวมถึงอุปทานของหัวมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแป้งมันสำปะหลังด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นจากการที่อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังค่อย ๆ ฟื้นตัว

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563 เป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้ง รายได้จากการดำเนินงานรวมลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7.1 พันล้านบาท ในขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายคงที่ที่ระดับ 7.5%

อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 12.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เมื่อเทียบกับระดับ 9.3% ในช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังจากการค่อย ๆ ฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดหลัก ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 รายงานจากสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ราคาขายส่งออกแป้งมันสำปะหลังเฉลี่ย (F.O.B. Bangkok) เพิ่มขึ้นเป็น 483 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เติบโต 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดส่งออกตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศอีกครั้ง

ในอนาคต ทริสเรทติ้งประมาณการว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะเติบโต 23% ในปี 2564 และเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 2% ในปี 2565-2566 นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังคาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 11% สำหรับปี 2564 ทั้งปี และหลังจากนั้นจะคงอยู่ที่ระดับ 9%-10% ในช่วงปี 2565-2566

การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง

บริษัทมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value-added -- HVA) เข้ามาในสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้นและยังได้ขยายบทบาทไปในตลาดโลกด้วย บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นของแป้งมันสำปะหลังดิบอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 20% ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงอยู่ที่ระดับ 10%-25% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้จากผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดิบคิดเป็น 45% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงคิดเป็น 35% และรายได้จากผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (ธุรกิจอาหาร) คิดเป็น 20% ทั้งนี้ กลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลกำไรสูง และผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ตลอดจนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการลดต้นทุน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 นั้น น่าจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีความมั่นคงได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าได้

แม้ภาระหนี้ทางการเงินจะปรับตัวสูงขึ้น แต่โครงสร้างเงินทุนยังคงแข็งแรง

อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเป็น 12.7% ณ เดือนธันวาคม 2563 และเป็น 16.3% ณ เดือนมิถุนายน 2564 จากเดิมที่อยู่ที่ระดับ 10.7% ณ สิ้นปี 2562 ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลผลิต

ทริสเรทติ้งคาดว่าค่าใช้จ่ายลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 300-400 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงประจำปีและใช้ในการลงทุนในโครงการผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

ดังนั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจึงคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 12%-16% ในช่วงปี 2564-2566 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายน่าจะคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจระหว่าง 13-16 เท่าในระหว่างปี 2564-2566

สภาพคล่องที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะยังคงมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า จากสมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ในช่วง 800-1,000 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566 โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 1,179 ล้านบาท และยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อยู่อีกจำนวน 1.6 พันล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระอยู่ระหว่าง 60 ล้านบาทถึง 1.0 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้รวมจะเติบโต 23% ในปี 2564 และเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 2% ในปี 2565-2566

? อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับ 18%-20% และ 9%-10% ตามลำดับ ในปี 2564-2566

? ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและวุ้นเส้นในประเทศไทยเอาไว้ได้ โดยที่รายได้จากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูงจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาแป้งมันสำปะหลังดิบที่จะมีต่ออัตรากำไรของบริษัทได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดในขณะที่ยังคงงบดุลที่แข็งแรง รวมถึงคงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังเอาไว้ได้

ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีสาระสำคัญเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องจนส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วอยู่สูงเกินกว่าระดับ 2 เท่า ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินที่มีความเสี่ยงมากขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ