ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ไทยเบฟเวอเรจ” ที่ “AA” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 19, 2021 16:12 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?AA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะผู้นำของบริษัทในตลาดเครื่องดื่มในภูมิภาคจากการที่บริษัทมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางและมีการสร้างกระแสเงินสดที่ยืดหยุ่น อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการแสดงความตั้งใจอย่างจริงจังของบริษัทที่จะปรับลดภาระหนี้ลง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากภาระหนี้ที่สูงของบริษัท ตลอดจนสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง กฎระเบียบที่เข้มงวด และการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยที่มีบ่อยครั้ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

รายได้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 แต่คาดว่าจะฟื้นตัว

ในปีงบประมาณ 2564 (ตุลาคม 2563 ? กันยายน 2564) ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลง 4% เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2564 ทั้งนี้ ทั้งรัฐบาลไทยและเวียดนามได้ดำเนินมาตรการปิดเมืองอย่างเข้มงวดรวมถึงการปิดร้านอาหารและบาร์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศเมียนมายังส่งผลกระทบต่อยอดขายเหล้าในประเทศเมียนมาด้วย

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะฟื้นตัวประมาณ 4%-6% ในปีงบประมาณ 2565 และปีงบประมาณ 2566 หลังจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยและเวียดนามเริ่มดำเนินนโยบายในการกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติและอยู่ร่วมกับโรคโควิด 19 จากสถานการณ์ที่ดีขึ้นของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รัฐบาลไทยเริ่มค่อย ๆ ผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองและเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยไม่ต้องมีการกักตัว ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการดำเนินตามมาตรการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของบริษัท

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 19% ในปีงบประมาณ 2564 เมื่อเทียบกับระดับ 18% ในปีงบประมาณ 2563 โดยอัตรากำไรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากบริษัทมีการควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุมในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายโฆษณาและการส่งเสริมการขาย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะปรับตัวต่ำกว่า 19% ในปีงบประมาณ 2565 ถึงปีงบประมาณ 2566 เนื่องจากบริษัทจะกลับมาใช้ค่าใช้จ่ายโฆษณาและการส่งเสริมการขายตามปกติเพื่อกระตุ้นยอดขาย

มีสถานะทางธุรกิจที่เข้มแข็ง สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและมีการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น

บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในทุกที่ที่บริษัทเข้าไปดำเนินงาน สำหรับในประเทศไทยนั้น บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นเวลานาน โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามปริมาณการจำหน่ายสุรามากกว่า 90% และเบียร์เกือบ 40% นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่มและน้ำดื่ม อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายสำคัญในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ อีกด้วย สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น Sabeco เป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนามซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 35%-40% ในขณะที่ Grand Royal Group (GRG) ก็เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเหล้าวิสกี้รายใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 70% ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะที่แข็งแกร่งทางการตลาดเอาไว้ได้จากการมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งและเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง

สถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการขยายธุรกิจไปในประเทศเวียดนามและเมียนมาซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดภายในประเทศลงได้ เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศเมียนมาและเวียดนามยังไม่อิ่มตัวเมื่อเทียบกับประเทศไทย ดังนั้นทริสเรทติ้งยังคงเชื่อว่ารายได้จากต่างประเทศจะมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่ารายได้ในประเทศแม้ว่าความเสี่ยงด้านกฎระเบียบอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในต่างประเทศ

มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง

บริษัทได้สร้างเครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวางซึ่งครอบคลุมร้านค้าปลีกในประเทศไทยมากกว่า 400,000 ร้าน โดยมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ 4 แห่งและมีรถขนส่งสินค้าจำนวน 7,000 คัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีช่องทางจำหน่ายผ่านตัวแทนที่มีประสิทธิภาพอีกประมาณ 300 รายและมีพนักงานขายมากกว่า 1,700 คน อีกทั้งยังขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนผ่านบริษัทในเครือที่สำคัญ ๆ ด้วย อาทิ Fraser and Neave Ltd. (F&N) ซึ่งมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดของตนเองในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนการซื้อกิจการล่าสุดคือ Sabeco และกลุ่ม GRG นั้นก็ช่วยเพิ่มเครือข่ายในการกระจายสินค้าในประเทศเมียนมาและเวียดนาม

กฎระเบียบภาครัฐจำกัดการเติบโตในประเทศ

การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการควบคุมดูแลที่เข้มงวดของภาครัฐโดยมีกฎระเบียบต่าง ๆ อาทิ การจำกัดการโฆษณาและการทำกิจกรรมทางการตลาด การกำหนดเวลาในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น กฎระเบียบดังกล่าวทำให้การเพิ่มยอดขายและการทำการตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ กระทำได้ยากแม้ว่าจะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างมากก็ตาม นอกจากนี้ การเก็บภาษีสรรพสามิตยังเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ภาครัฐนำมาใช้เพื่อลดปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย โดยภาครัฐมีการขึ้นภาษีสรรพสามิตค่อนข้างบ่อย ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการขึ้นภาษีสรรพสามิตถึง 5 ครั้ง ในอดีตนั้นบริษัทสามารถรักษาอัตราการทำกำไรโดยการส่งผ่านภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้บริโภคซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายลดลงชั่วคราว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาที่อยู่ในระดับต่ำ อัตราการทำกำไรหรือปริมาณการจำหน่ายของบริษัทจึงมีโอกาสที่จะสูงมากกว่าระดับในปัจจุบันหากมีการขึ้นภาษีสรรพสามิตที่ไม่บ่อยเกินไป ส่วนในประเทศเวียดนามนั้น รัฐบาลเวียดนามได้มีการบังคับใช้ฎหมายห้ามขับรถขณะมึนเมาฉบับใหม่ที่มีบทลงโทษรุนแรง โดยการบังคับใช้กฎหมายใหม่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับการดื่มนอกบ้าน บริษัทเชื่อว่าการบริโภคแอลกอฮอล์ในประเทศเวียดนามจะค่อย ๆ ฟื้นตัวเนื่องจากผู้บริโภคจะปรับพฤติกรรมการบริโภคให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่

คาดว่าภาระหนี้จะลดลง

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 3 ปี ข้างหน้า ทั้งนี้ ภาระหนี้ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทค่อย ๆ ลดลงจาก 2.057 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2562 เป็น 1.942 แสนล้านบาทในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะค่อย ๆ ลดลงสู่ระดับระหว่าง 1.6-1.7 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2566 และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาทในปีงบประมาณ 2566 เมื่อเทียบกับระดับ 4.6 หมื่นล้านบาทในปีงบประมาณ 2563 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินกู้จำนวนมากในช่วง 3 ปีข้างหน้าเนื่องจากผู้บริหารของบริษัทได้แสดงถึงความตั้งใจอย่างจริงจังที่จะทำการลดภาระหนี้ลง ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทค่อย ๆ ลดลงสู่ระดับประมาณ 3.4 เท่าในปีงบประมาณ 2566 นอกจากนี้ บริษัทอาจจะสามารถลดภาระหนี้ได้เร็วกว่าประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งหากบริษัทประสบความสำเร็จของแผนการปรับมูลค่าสุทธิของกิจการ (Enterprise Value)

สถานะสภาพคล่องอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

บริษัทมีสถานะสภาพคล่องอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดย ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบด้วยเงินสดจำนวน 3.61 หมื่นล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่ไม่มีข้อผูกมัดจากสถาบันการเงินต่าง ๆ อีกประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทยังได้ออกหุ้นกู้จำนวน 4.0 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้ชั่วคราว เมื่อรวมสภาพคล่องทั้งหมดของบริษัทแล้วคาดว่าจะเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้และการลงทุนของบริษัทในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้สินระยะยาวที่จะต้องชำระประมาณ 5.0 หมื่นล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ บริษัทมีภาระหนี้ระยะสั้นจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนในการใช้งบลงทุนไว้ที่จำนวนประมาณ 7.1 พันล้านบาทในปีงบประมาณ 2565 อีกด้วย

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของหุ้นกู้ได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ 1.2 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ที่ 3 เท่า

ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินรวมอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาทซึ่งเป็นหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนเป็นจำนวน 963 ล้านบาท โดยหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนเป็นหนี้ที่ไม่มีการค้ำประกันในบริษัทย่อย ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมเพียง 0.4% ซึ่งต่ำกว่าระดับเพดานที่ 50% ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่ได้มีความเสียเปรียบเจ้าหนี้ที่มีสิทธิ์สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปีงบประมาณ 2564-2566 ดังต่อไปนี้

? รายได้จะลดลงประมาณ 4% ในปีงบประมาณ 2564 และจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4%-6% ระหว่างปีงบประมาณ 2565-2566

? อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 18%-19%

? งบประมาณการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 4-7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงประมาณการ

? อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะค่อย ๆ ลดลงสู่ระดับ 3.4 เท่าในปีงบประมาณ 2566

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถลดภาระหนี้ลงได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะผู้นำทั้งในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศและตลาดหลัก 2-3 แห่งนอกประเทศไทยได้ต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทปรับลดต่ำกว่า 2 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะไม่สามารถลดภาระหนี้ได้ตามเป้าหมายและอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ที่ระดับเกินกว่า 3.5 เท่าเป็นเวลานาน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (ThaiBev)

อันดับเครดิตองค์กร: AA

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TBEV233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA

TBEV243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA

TBEV244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA

TBEV253A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA

TBEV283A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 14,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 AA

TBEV293A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 AA

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ