ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้” ที่ “BB-” แนวโน้ม “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 8, 2022 13:21 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคุณภาพโรงแรมของบริษัทที่อยู่ในระดับดีและประสบการณ์ของบริษัทในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธรรมชาติของธุรกิจโรงแรมที่มีการแข่งขันสูงและมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวก็มีข้อจำกัดจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของบริษัทอันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยืดเยื้อ ตลอดจนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง และสภาพคล่องที่ตึงตัว

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์โรคโควิด 19 และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานรวมถึงอาจกดดันสถานะเครดิตของบริษัทมากยิ่งขึ้น

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

คาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมจะทยอยฟื้นตัวขึ้นแต่ยังคงมีความไม่แน่นอน

ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2564 และต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยืดเยื้อ โดยในปี 2564 โรงแรมของบริษัทมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 16% และมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) น้อยกว่าปี 2562 อยู่ที่ 84% การกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 และการแพร่ระบาดหลายระลอกส่งผลให้รัฐบาลบังคับใช้มาตรการการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศที่เข้มงวดเช่น มาตรการกักตัวและการตรวจหาเชื้อโควิด 19 เป็นผลให้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2564 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมของบริษัทเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงโดยรัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อีกครั้งในช่วงปลายปี 2564 เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายปี 2565 ก่อนที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นจนถึงระดับใกล้เคียงกับในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในปี 2567 โดยรัฐบาลได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เมื่อความกังวลต่อโรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอนลดลง ทริสเรทติ้งคาดว่ารัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่มีเงื่อนไขซึ่งจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมของบริษัทในปี 2565 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 40% ของช่วงก่อนโควิดในปี 2562 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 มาอยู่ที่ระดับประมาณ 80% ของปี 2562 และในปี 2567 จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปี 2562 อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงที่ผลการดำเนินงานจะด้อยกว่าการประมาณกรณีพื้นฐานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังคงมีความไม่แน่นอน การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมของบริษัทอาจถูกกระทบหากมีการกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่หรือมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ นอกจากนี้ หากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อออกไปอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาพรวมได้

ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยชะลอตัวจากอุปสงค์ที่อ่อนตัว

ปัจจุบันบริษัทบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทพัฒนาเองจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม ?ไฮด์ สุขุมวิท 11? และโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-used) ในจังหวัดระยอง

ยอดขายของโครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 ยังคงชะลอตัวลงในปี 2564 เนื่องจากอุปสงค์ที่อยู่อาศัยจากผู้บริโภคภายในประเทศที่ลดลงและไม่มีผู้ซื้อชาวต่างชาติอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด 19 ที่ยืดเยื้อ โดยบริษัทมียอดขายเพียง 41 ล้านบาทในปี 2564 ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และพร้อมโอนให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ปี 2560 ณ เดือนธันวาคม 2564 โครงการดังกล่าวมีห้องชุดเหลือขายมูลค่าประมาณ 1.35 พันล้านบาทหรือคิดเป็นประมาณ 31% ของมูลค่าโครงการ

สำหรับโครงการแบบผสมผสานที่จังหวัดระยองนั้นประกอบไปด้วยโครงการอสังหาริมทรัพย์ 3 ประเภท ได้แก่ วิลล่าสำหรับจำหน่ายจำนวน 61 หลัง โรงแรมขนาด 205 ห้อง 1 แห่ง และคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ บริษัทเลื่อนการเปิดตัวโครงการวิลล่าจากปี 2564 เป็นปี 2565 เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่ยังไม่ดีขึ้นในปี 2564 โดยบริษัทคาดว่าจะจัดกิจกรรมทางการตลาดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ปัจจุบัน บริษัทก่อสร้างวิลล่าบริเวณริมชายหาดแล้วเสร็จจำนวน 9 หลังและพร้อมสำหรับการโอนในปี 2565 บริษัทมีแผนจะพัฒนาโรงแรมและคอนโดมิเนียมต่อไปเมื่อการก่อสร้างวิลล่าแล้วเสร็จ โดยคาดว่าโครงการโรงแรมจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567-2568 และโครงการคอนโดมิเนียมคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2568-2569

ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะยังคงถูกกดดันแต่จะฟื้นตัวขึ้นบ้างในปี 2565-2568 ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาทในปี 2565 และประมาณ 500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567 โดยคาดว่าอุปสงค์คอนโดมิเนียมจะยังคงอ่อนตัวและผู้ประกอบการพัฒนาอสังริมทรัพย์อาจจะต้องเสนอส่วนลดและการส่งเสริมการขายเพื่อสร้างยอดขายซึ่งจะกดดันอัตรากำไรของการขายอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่คาดว่าอุปสงค์สำหรับวิลล่าจะถูกกระทบน้อยกว่าเนื่องจากลูกค้าหลักของวิลล่าคือกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทยังมีผลงานการพัฒนาวิลล่าที่จำกัดและทำเลจังหวัดระยองยังถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างใหม่สำหรับการพัฒนาวิลล่าในระดับราคาสูง การตอบรับของลูกค้าต่อโครงการวิลล่าที่จังหวัดระยองจึงยังคงต้องติดตามต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งกิจการร่วมค้า 2 แห่งเพื่อพัฒนาโครงการคอนมิเนียมอีก 2 โครงการในกรุงเทพฯ ประกอบด้วยโครงการแรกคือ ?ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ? ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทใกล้กับซอยสุขุทวิท 59 และอีกโครงการคือ ?ไฮด์ ริเวอร์ เบย์? ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเจริญนครบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันโครงการ ?ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ? อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมโอนภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 โดยมียอดขายอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทหรือคิดเป็นประมาณ 37% ของมูลค่าโครงการ ณ เดือนธันวาคม 2564 ในขณะที่โครงการ ?ไฮด์ ริเวอร์ เบย์? ที่อยู่ระหว่างการปรับรูปแบบโครงการจะเลื่อนการก่อสร้างออกไปจนกว่าสภาวะทางการตลาดจะปรับตัวดีขึ้น ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถโอนยอดขายรอการรับรู้รายได้ของโครงการ ?ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ? ได้เกือบทั้งหมดในปี 2565 และคาดว่าบริษัทจะเริ่มก่อสร้างโครงการ ?ไฮด์ ริเวอร์ เบย์? ในช่วงกลางปี 2566

ธุรกิจถุงมือยางเริ่มดำเนินงานช้ากว่าที่คาด

ในช่วงปลายปี 2563 บริษัทดำเนินงานร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในการผลิตถุงมือยางโดยจัดตั้ง บริษัท แกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ จำกัด ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทลงทุนประมาณ 390 ล้านบาททั้งในส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นและเงินให้กู้ยืมจากผู้ถือหุ้นในบริษัทแกรนด์ โกลบอล โกลฟส์

ธุรกิจถุงมือยางของบริษัทเริ่มดำเนินงานช้ากว่าแผนเดิม โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 มีสายผลิตเพียง 2 สายที่ดำเนินการแล้ว จากแผนเดิมที่จะมี 16 สายการผลิตที่พร้อมดำเนินการ โดยมีสาเหตุจากการก่อสร้างที่ล่าช้า และกระบวนการในการขอวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินช้ากว่าที่คาดจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตั้งสายการผลิตที่ 3-4 และมีแผนจะติดตั้งจนครบ 8 สายการผลิตภายในปี 2565 และจะครบ 16 สายการผลิตภายในปี 2566

ทริสเรทติ้งมองว่าหากโครงการภายใต้การดำเนินงานของบริษัทแกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ ประสบความสำเร็จก็จะช่วยปรับปรุงผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของธุรกิจถุงมือยางของบริษัทอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้แต่แรกเนื่องจากราคาถุงมือยางเริ่มปรับตัวลดลงไปสู่ระดับเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และราคาวัตถุดิบซึ่งอาจปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบหากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ ดังนั้น ความสำเร็จของธุรกิจใหม่ทั้งในด้านการดำเนินงานและผลประกอบการยังคงต้องติดตามผลต่อไป

ระดับหนี้สินจะปรับตัวดีขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับสูง

ภายใต้ประมาณการกรณีฐานทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงอ่อนตัวแต่จะเริ่มฟื้นตัวในปี 2565 โดยที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย จะเริ่มเป็นบวกเล็กน้อยในปี 2565 และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 700 ล้านบาทในปี 2566 และ 900 ล้านบาทในปี 2567 และคาดว่าบริษัทจะมีการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่ารวมที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า เป็นผลให้ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะอยู่ที่ระดับสูงมากในปี 2565 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นไปอยู่ที่ 18 เท่าในปี 2566 และ 14 เท่าในปี 2567

บริษัทได้ขายโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส ผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีเงื่อนไขในการซื้อคืน (ทรัสต์ฯ) ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 และเช่าทรัพย์สินกลับมาบริหาร บริษัทมีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อโรงแรมคืนกลับมาจากทรัสต์ฯ หลังจากปีที่ 5 ที่ราคาประมาณ 4.9 พันล้านบาท และยังมีสิทธิในการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวคืนในปีที่ 3 และปีที่ 4 ตามราคาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยธุรกรรมนี้ช่วยบรรเทาสถานการณ์สภาพคล่องที่ตึงตัวของบริษัทลงแต่ไม่ช่วยให้ภาระหนี้ของบริษัทลดลงตามการคำนวณของทริสเรทติ้งเนื่องจากเป็นภาระผูกพันในอนาคต

เงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินกำหนดให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อทุนให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 2.50 เท่า โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.25 เท่า ณ เดือนธันวาคม 2564 จากการที่หนี้สินทางการเงินของบริษัทลดลงจากการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ฯ และส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากกำไรจากการประเมินราคาที่ดิน อย่างไรก็ตาม คาดว่าส่วนเผื่อสำหรับเงื่อนไขทางการเงินดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงในอนาคตเนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานขาดทุนอีกระยะหนึ่งเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงซึ่งจะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้สินรวม 1.08 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าว 7.9 พันล้านบาทเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนซึ่งประกอบด้วยหนี้เงินกู้และหุ้นกู้ที่มีหลักประกันของบริษัทและภาระผูกพันที่จะต้องซื้อโรงแรมคืนกลับมาจากทรัสต์ฯ ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ 73% ซึ่งสูงกว่า 50% ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้? ของทริสเรทติ้ง ส่งผลให้ทริสเรทติ้งพิจารณาว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันมีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัท

สภาพคล่องตึงตัว

บริษัทมีสภาพคล่องที่ยังคงตึงตัวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบไปด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวนประมาณ 1 พันล้านบาท เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในเดือนมกราคม 2565 จำนวน 1 พันล้านบาท เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 300 ล้านบาท และวงเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 30 ล้านบาท ในขณะที่แหล่งใช้ไปของเงินทุนประกอบด้วยหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในระยะ 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 3.3 พันล้านบาท กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ใช้จ่ายออกไปสุทธิซึ่งคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาทและมีแผนการลงทุนที่ประมาณ 600 ล้านบาทในปี 2565 ทั้งนี้ บริษัทได้วางแผนจัดหาเงินกู้ยืมหรือออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระและให้เพียงพอต่อภาระผูกพันทางการเงินอื่นและแผนการลงทุนของบริษัท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากธุรกิจโรงแรมจะอยู่ที่ประมาณ 1.1 พันล้านบาทในปี 2565 และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 2.1 พันล้านบาทถึง 2.6 พันล้านบาทในช่วงปี 2566-2567

? รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาทในปี 2565 และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567

? อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 3% ในปี 2565 และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 26% ในปี 2566 และ 30% ในปี 2567

? เงินลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาทในช่วงประมาณการ 3 ปี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์โรคโควิด 19 และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานรวมถึงอาจกดดันสถานะเครดิตของบริษัทมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ตามที่ทริสเรทติ้งคาดและสถานะทางเครดิตของบริษัทด้อยกว่าที่คาด หรือหากบริษัทไม่สามารถจัดการความเสี่ยงในการหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้ที่จะครบกำหนดได้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? หากผลการดำเนินงานและสถานะทางเครดิตของบริษัทปรับตัวดีกว่าหรือสอดคล้องกับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ ในขณะที่ยังคงรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ดังนั้น หากอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคถูกปรับลดลงอาจจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (GRAND)

อันดับเครดิตองค์กร: BB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ