ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 29, 2022 15:12 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นของ บริษัท บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ในระดับสูงของบริษัทจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดจนเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วในเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและประวัติผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัท ในทางกลับกัน อันดับเครดิตดังกล่าวก็มีข้อจำกัดจากความเสี่ยงที่บริษัทมีการพึ่งพาสินทรัพย์ที่เป็นโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทยังเป็นผลมาจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile -- SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ ?a-? และสถานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BGRIM) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?A/Stable? โดยทริสเรทติ้ง) อีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีกระแสเงินสดที่เชื่อถือได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ.

บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 1 แห่งซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2558 โดยบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวนาน 25 ปีกับ กฟผ. ที่ขนาด 90 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP)

ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวซึ่งอยู่ภายใต้รูปแบบไม่ใช้ก็ต้องจ่าย (Take-or-pay Basis) นั้นช่วยลดความเสี่ยงด้านการตลาดให้แก่บริษัทได้เป็นส่วนใหญ่ ในการนี้ กฟผ. มีข้อผูกพันในการรับซื้อไฟฟ้าอย่างน้อยในสัดส่วน 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาโดยขึ้นอยู่กับชั่วโมงการทำงานของโรงไฟฟ้า ในขณะที่บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 86%-90% ของยอดขายทั้งหมดต่อปี ทั้งนี้ คุณภาพเครดิตของ กฟผ. (ได้รับอันดับเครดิต ?AAA/Stable? จาก

ทริสเรทติ้ง) บ่งบอกถึงการที่บริษัทมีความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินจากผู้ซื้อไฟฟ้าในระดับที่น้อยมาก

รายได้ที่แน่นอนของบริษัทยังมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ค่าพลังไฟฟ้า (Capacity Payment) อีกด้วย นอกจากนี้ ผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรายังบรรเทาลงจากการปรับปรุงอัตราค่าไฟฟ้าที่อ้างอิงตามดัชนีอีกเช่นกัน

มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม

บริษัทยังจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมจำนวน 1 รายในสวนอุตสาหกรรมบางกะดี (สวนฯ บางกะดี) โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าขนาด 14 เมกะวัตต์ ในการนี้ ลูกค้ามีข้อผูกพันในการซื้อไฟฟ้าจำนวนขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ในสัญญาและบริษัทจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าดังกล่าวในราคาที่มีส่วนลดจากราคาที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำหน่ายให้แก่ลูกค้าประเภทกิจการขนาดใหญ่ โดยทั่วไปแล้วจะมีการปรับราคาจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงที่เปลี่ยนแปลงผ่านค่าปรับปรุงเชื้อเพลิงหรือค่า Ft (Fuel Adjustment Charge) อย่างไรก็ตาม การปรับค่า Ft นั้นมักจะล่าช้ากว่า อีกทั้งระยะเวลาและจำนวนที่ปรับนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบอีกด้วย ดังนั้น ในกรณีที่ค่าเชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็อาจมีผลกระทบในทางลบต่อผลกำไรของบริษัท นอกจากนี้ ยอดขายยังขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอีกด้วย

เทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วในเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของบริษัทเป็นโรงไฟฟ้าที่มีการทำงานร่วมกันของระบบกังหันก๊าซและระบบกังหันไอน้ำ (Combined-cycle) โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว ระบบดังกล่าวใช้เครื่องยนต์กังหันก๊าซ 2 ชุดที่ผลิตโดย GE Power ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าในตลาดโลก ทั้งนี้ กังหันก๊าซ GE-LM6000PD ที่ผลิตโดย GE Power มีผลการดำเนินงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่ง GE Power ได้ผลิตและจำหน่ายกังหันก๊าซรุ่นนี้ไปแล้วกว่า 1,000 ชุดและมีชั่วโมงการทำงานมากกว่า 2 ล้านชั่วโมง ในส่วนของโรงไฟฟ้าของบริษัทนั้นประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซจำนวน 2 ชุด ชุดกำเนิดไอน้ำ (Heat Recovery Steam Generator -- HRSG) จำนวน 2 ชุด และหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำซึ่งผลิตโดย Siemens อีกจำนวน 1 ชุด

มีประวัติการดำเนินงานที่เข้มแข็ง

บริษัทมีทีมดำเนินงานและซ่อมบำรุงประจำวันของตนเอง โดยทีมงานได้รับการฝึกอบรมจาก BGRIM ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานและซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ส่วนโรงไฟฟ้าของบริษัทก็มีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามาโดยตลอดนับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินงาน โดยในปี 2564 โรงไฟฟ้าของบริษัทมีดัชนีความพร้อมที่ระดับ 96.8% และมีอัตราความร้อนที่ขนาด 7,783 บีทียูต่อหน่วยซึ่งดีกว่าอัตราความร้อนอ้างอิงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. ที่ขนาด 8,000 บีทียูต่อหน่วย

ส่วนในด้านของประสิทธิภาพการใช้พลังงานนั้น โรงไฟฟ้าของบริษัทบรรลุดัชนีชี้วัดความสามารถในการใช้พลังงานปฐมภูมิในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วมกัน (Primary Energy Saving -- PES) รวมทั้งได้รับค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมจากค่าการประหยัดการใช้เชื้อเพลิง (Fuel Saving -- FS) ที่อัตรา 0.36 บาทต่อหน่วยจาก กฟผ. ซึ่งทริสเรทติ้งเห็นว่าความเสี่ยงที่โรงไฟฟ้าของบริษัทจะถูกปรับหรือยกเลิกสัญญานั้นมีต่ำมาก

ผลกระทบจากราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้น

บริษัทมีรายได้และกำไรที่มั่นคงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าการเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาก๊าซจะมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในปี 2565 ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ราคาก๊าซยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จนทำสถิติสูงสุดที่ระดับเกินกว่า 400 บาทต่อล้านบีทียูในไตรมาสแรกของปี 2565 ทั้งนี้ ภายใต้ประมาณการกรณีฐานทริสเรทติ้งคาดว่าราคาก๊าซจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในปี 2565 และจะค่อย ๆ ลดลงสู่ระดับปกติตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป แม้ว่าในประมาณการนั้นทริสเรทติ้งคาดว่าค่า Ft จะถูกปรับเพิ่มขึ้น แต่การปรับดังกล่าวอาจไม่สอดคล้องกับราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นเท่าใดนัก

ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทจะลดลงเหลือ 470 ล้านบาทในปี 2565 จาก 527 ล้านบาทในปี 2564 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะอยู่ที่ระดับ 5.5 เท่าในปี 2565 อย่างไรก็ตาม จากสมมุติฐานที่ราคาก๊าซจะค่อย ๆ กลับมาอยู่ในระดับปกติ ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 480-540 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2566-2568 และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA น่าจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4 เท่าตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

มีสินทรัพย์ดำเนินงานเพียงแห่งเดียว

อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีสินทรัพย์ดำเนินงานเพียงแห่งดียว ดังนั้น บริษัทจึงมีความเสี่ยงทางธุรกิจที่ค่อนข้างสูงกว่าบริษัทผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าหลายแห่ง การที่บริษัทขาดความหลากหลายในการดำเนินงานจึงอาจทำให้รายได้ของบริษัทมีความเสี่ยงจากการที่โรงไฟฟ้าหยุดดำเนินงานอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่สำคัญ ๆ เช่น การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเป็นเวลานานหรือชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องจักรเกิดความเสียหาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมีค่อนข้างยากเมื่อพิจารณาจากประวัติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัท

ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่เพียงพอต่อการชำระคืนหนี้ได้ ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2561 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 3.35 พันล้านบาทโดยได้นำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปจ่ายชำระคืนหนี้เงินกู้โครงการทั้งหมดที่มีกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งในตารางการชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้นั้นมีการกำหนดให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่บริษัทได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีอยู่

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีเงินสดในมือและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 677 ล้านบาท ทั้งนี้ เงินสดในมือและรายการเทียบเท่าเงินสดที่มีอยู่เมื่อรวมกับประมาณการ EBITDA แล้วน่าจะเพียงพอรองรับภาระหนี้เงินกู้ของบริษัทจำนวน 279-348 ล้านบาทต่อปีที่จะครบกำหนดในช่วงระหว่างปี 2565-2568

เป็นบริษัทย่อยเชิงกลยุทธ์ภายใต้กลุ่ม BGRIM

โรงไฟฟ้าของบริษัทเป็น 1 ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมจำนวนทั้งสิ้น 21 แห่งซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่ม BGRIM ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2564 กำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทคิดเป็น 5% ของกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมดของ BGRIM ส่วนในด้านของกระแสเงินสดนั้น EBITDA ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ของ EBITDA ทั้งหมดของกลุ่ม BGRIM ทริสเรทติ้งมองว่าแม้บริษัทจะมีส่วนแบ่งรายได้เพียงเล็กน้อย แต่บริษัทก็มีสถานะเป็นบริษัทย่อยเชิงกลยุทธ์ของ BGRIM ทั้งนี้ ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเป็นสินทรัพย์หลักในการผลิตไฟฟ้าของ BGRIM ซึ่งคิดเป็น 70% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของกลุ่ม

BGRIM มีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สวนฯ บางกะดีจำนวนทั้งสิ้น 2 แห่งซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าของบริษัทด้วย ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีความสำคัญต่อ BGRIM ในด้านการบริหารจัดการประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยรวมของโรงไฟฟ้าของกลุ่มในสวนฯ บางกะดี ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจาก BGRIM ในฐานะบริษัทแม่เมื่อบริษัทต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? ในช่วงปี 2565-2568 โรงไฟฟ้าของบริษัทจะมีค่าดัชนีความพร้อมอยู่ในระดับ 91%-96%

? สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. จะอยู่ที่ 90 เมกะวัตต์ และกับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 14 เมกะวัตต์

? บริษัทจะจำหน่ายไฟฟ้าได้ประมาณ 645-677 ล้านหน่วยต่อปี

? ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ปีละ 5-15 ล้านบาทต่อปี

? การชำระคืนหนี้จะเป็นไปตามตารางการชำระคืนหนี้หุ้นกู้

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถดำรงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไปโดยที่บริษัทจะสามารถสร้างผลกำไรและรักษาระดับหนี้สินให้เป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้งได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทนั้นยังมีจำกัดในช่วงระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ในทางกลับกัน ปัจจัยกดดันที่อาจทำให้มีการปรับลดอันดับเครดิตจะเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้งเป็นอย่างมาก หรือความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ? ของทริสเรทติ้งแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานะเครดิตของ BGRIM หรือความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทและ BGRIM ก็อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า, 15 กรกฎาคม 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด (BIP1)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

BIPA335A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 3,350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2576 A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ