ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. คาราบาวกรุ๊ป” ที่ “A” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 31, 2022 10:03 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศ โอกาสในการเติบโตในต่างประเทศ ระดับหนี้สินของบริษัทซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง และผลการดำเนินงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทต้องพึ่งพาสินค้าน้อยรายการ รวมถึงโอกาสการเติบโตที่ค่อนข้างจำกัดของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะที่แข็งแกร่งในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทย

บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโดยเป็นผลมาจากแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี ตลอดจนกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมร้านค้าปลีกมากกว่า 180,000 แห่ง โดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทยังคงได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 20% ในปี 2564 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2565

ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) โดยปริมาณขายของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังลดลง 7% ในปี 2563 และลดลงอีก 7% ในปี 2564 ก่อนที่จะปรับลดลง 3% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศของบริษัทได้รับผลกระทบเช่นกันโดยปรับตัวลดลง 5% ในปี 2564 อย่างไรก็ตาม รายได้เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทริสเรทติ้งคาดว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจะทยอยปรับตัวดีขึ้นและบริษัทจะปรับขึ้นราคาขายส่งเล็กน้อย จึงคาดว่ารายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศของบริษัทจะปรับเพิ่มขึ้น 4% ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 3% ในปี 2566 และเพิ่มขึ้น 1% ในปี 2567

รายได้จากการส่งออกถูกกดดันแต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น

รายได้จากการส่งออกของบริษัทลดลง 14% ในปี 2564 และปรับตัวลดลงอีก 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 จากที่เคยเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2557-2563 โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาลดลงมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และรายได้จากการส่งออกไปยังประเทศเมียนมาลดลงจากความไม่สงบทางการเมืองและกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งรายได้จากการส่งออกไปยังประเทศเทศจีนยังปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 จากมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero COVID-19) ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 รายได้จากการส่งออกคิดเป็น 38% ของรายได้รวมของบริษัทโดยตลาดกัมพูชายังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทตามด้วยเมียนมา

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการส่งออกของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ในปี 2565 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่เริ่มดีขึ้นและฐานรายได้ในเชิงเปรียบเทียบที่ต่ำในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 และคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 เป็นต้นไป ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้จากการส่งออกของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 8% ในปี 2566 และ 6% ในปี 2567

บริษัทมีการพึ่งพาสินค้าน้อยรายการ

บริษัทพึ่งพาสินค้าประเภทเครื่องดื่มชูกำลังเป็นหลักซึ่งเป็นสินค้าหมวดเล็กหมวดหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มโดยรวม ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงในความนิยมบริโภครวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ในปี 2564 รายได้ของบริษัทในสัดส่วน 71% และกำไรขั้นต้นในสัดส่วน 89% มาจากสินค้าประเภทเครื่องดื่มชูกำลังซึ่งส่วนใหญ่มาจากเครื่องดื่มชูกำลังแบบดั้งเดิมซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักคือคนทำงานที่มีรายได้ค่อนข้างต่ำ

ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศเป็นตลาดที่ค่อนข้างอิ่มตัวและมีโอกาสในการเติบโตที่จำกัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มยอดขายภายในประเทศบริษัทได้ออกสินค้าใหม่ประเภทอื่น ๆ เช่น กาแฟพร้อมดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำดื่ม และเครื่องดื่มเสริมอาหารที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าแก่บุคคลภายนอก (Third Party) เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการกระจายสินค้าของบริษัท รายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกเติบโตขึ้น 48% ในปี 2564 และ 78% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่มาจากสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกช่วยเพิ่มรายได้ในประเทศแต่สร้างอัตรากำไรที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าใหม่และการจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกจะช่วยลดการพึ่งพิงจากการขายสินค้าประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 6-8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567

อัตรากำไรอ่อนตัวลงจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นและสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้บุคคลภายนอกเพิ่มขึ้น

อัตรากำไรของบริษัทอ่อนตัวลงในปี 2564 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 เนื่องจากราคาวัตถุดิบโดยเฉพาะอะลูมิเนียมปรับตัวสูงขึ้น และสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้บุคคลภายนอกซึ่งมีอัตรากำไรต่ำกว่าเพิ่มสูงขึ้น โดยอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ของบริษัทลดลงจาก 28.9% ในปี 2563 เป็น 24.1% ในปี 2564 และ 20.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565

ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA Margin ของบริษัทจะปรับตัวลดลงเป็น 17%-18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจากสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้บุคคลภายนอกที่มีอัตรากำไรต่ำกว่าเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนหีบห่อจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากต้นทุนอะลูมิเนียมที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่ายังมีโอกาสที่อัตรากำไรจะดีกว่าที่คาดจากประโยชน์จากการขยายตัวในแนวดิ่งของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา การประหยัดจากขนาดจากการผลิตในจำนวนที่มากขึ้น และการใช้สื่อโฆษณาและการส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพ

ระดับหนี้สินเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับปานกลาง

ระดับหนี้สินของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง โดยระดับหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 0.8 เท่าในปี 2563 เป็น 1.4 เท่าในปี 2564 และ 1.6 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินลดลงจาก 105% ในปี 2563 เป็น 60% ในปี 2564 และ 55% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมี EBITDA อยู่ที่ 3.6-4.1 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 และคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 4.9 พันล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้น คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 1.3-1.6 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะสูงกว่า 50% ในช่วงปี 2565-2567

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยแหล่งที่มาของสภาพคล่องประกอบไปด้วยเงินสดจำนวน 921 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2565 เงินทุนจากการดำเนินงานซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาทในปี 2565 และวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 5.2 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการจ่ายชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 2.6 พันล้านบาทและเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวน 1 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

หุ้นกู้ของบริษัทมีเงื่อนไขทางการเงินสำคัญที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ระดับไม่เกิน 2.5 เท่า โดยบริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.66 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งต่ำกว่าเงื่อนไขทางการเงิน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนดังกล่าวให้เป็นไปตามเงื่อนไขทางการเงินได้ต่อไปในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนเป็นจำนวน 900 ล้านบาทจากหนี้สินรวมซึ่งอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ 14%

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2565-2567 ดังต่อไปนี้

? รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.97-2.25 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

? EBITDA Margin อยู่ระหว่าง 17%-18% ในช่วงปี 2565-2567

? งบประมาณการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 4.9 พันล้านบาทในช่วงประมาณการ 3 ปี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศและรักษาระดับการเติบโตที่สมเหตุสมผลในตลาดส่งออกได้ ทริสเรทติ้งยังคาดอีกด้วยว่าบริษัทจะยังคงมีอัตรากำไรและผลการดำเนินงานที่ดีในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินให้อยู่ในที่ระดับที่ดีเอาไว้ได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากและเป็นเวลานาน หรือหากบริษัทดำเนินนโยบายทางการเงินที่เสี่ยงมากยิ่งขึ้น จนทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2 เท่า ในขณะที่โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังไม่มีในระยะอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถสร้างฐานกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญและมีแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นอย่างมีสาระสำคัญในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่ดีเอาไว้ได้

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CBG)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

CBG237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ