ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกัน “บ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)” ที่ “AA-” เปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิต เป็น “Stable” จาก “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 23, 2022 14:25 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT หรือผู้ออกหุ้นกู้) ที่ระดับ ?AA-? แนวโน้มอันดับเครดิตถูกปรับเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? จาก ?Negative? หรือ ?ลบ? โดยหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการออกหุ้นกู้วงเงินรวม 2.5 หมื่นล้านบาทของผู้ออกหุ้นกู้ และหุ้นกู้ทั้งหมดได้รับการค้ำประกันโดย Frasers Property Ltd. (FPL หรือผู้ค้ำประกัน) ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นเต็ม 100% ของ FPL ทั้งนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้ดังกล่าวสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกัน (FPL ได้รับอันดับเครดิต ?AA-/Stable?)

การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดในธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่าและธุรกิจโรงแรม ตลอดจนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าและโลจิสติกส์

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ FPL โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการมีสินทรัพย์คุณภาพดีที่หลากหลายซึ่งกระจายตัวอยู่ในธุรกิจทุกประเภทและหลายทำเลที่ตั้ง รวมถึงฐานรายได้จากสินทรัพย์ให้เช่าที่อยู่ในระดับสูงและการบริหารจัดการเงินทุนที่มีประสิทธิภาพ จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูงเนื่องจากบริษัทมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้สัญญาค้ำประกัน FPL จะให้การค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ทั้งจำนวนซึ่งรวมถึงเงินต้น ตลอดจนหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหุ้นกู้มีการค้ำประกันดังกล่าวจะได้รับการจัดชั้นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าหนี้ที่ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่น ๆ ของ FPL และสัญญาค้ำประกันนี้อยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศสิงคโปร์

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจที่กระจายตัวดี

FPL รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปีบัญชี 2565 หลังจากที่อ่อนตัวลงในปีบัญชี 2564 เนื่องจากธุรกิจฟื้นตัวจากโรคโควิด 19 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 3.88 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรม ภาษี และรายการพิเศษ (Profit Before Interest, Fair Value Change, Taxation, and Exceptional Items -- PBIT) เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าอยู่ที่ 1.25 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวมาจากการฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีของธุรกิจโรงแรมในยุโรปและธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่าในประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่ามีผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอแม้จะเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในขณะที่ธุรกิจขายโครงการที่อยู่อาศัยมีผลกการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า

ธุรกิจที่มีความหลากหลายและกระจายตัวอย่างดีทั้งในส่วนของประเภทธุรกิจและทำเลที่ตั้งทำให้การดำเนินธุรกิจมีความยืดหยุ่นแม้ในช่วงที่เป็นขาลง กว่า 80% ของธุรกิจของบริษัทเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ซึ่งสร้างรายได้ประจำ (อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ พื้นที่ศูนย์การค้า สำนักงาน และโรงแรม) และส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ในขณะเดียวกัน สินทรัพย์ของบริษัทก็มีการกระจายตัวด้านทำเลที่ตั้ง โดยอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ประเทศออสเตรเลีย ยุโรป และประเทศไทยเป็นหลัก การผสมผสานกันระหว่างสินทรัพย์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและเพื่อให้เช่าจะยังคงส่งผลดีต่อ FPL ทั้งในแง่ของความมั่นคงของกระแสเงินสดและความสามารถในการทำกำไร ในขณะที่ความหลากหลายของทำเลทางธุรกิจก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถดถอยของอุตสาหกรรมในกรณีที่สภาพตลาดในแต่ละประเทศไม่เอื้ออำนวยในบางช่วงเวลาด้วยเช่นกัน

ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจโรงแรมของ FPL ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องหลังจากประสบภาวะตกต่ำลงด้วยสาเหตุจากโรคระบาด บริษัทรายงาน PBIT ของธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 101 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2565 เทียบกับ 4 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2564 และที่ 132 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด การฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมมาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในสหราชอาณาจักรและยุโรป ขณะเดียวกัน การผ่อนคลายข้อจำกัดที่เกี่ยวเนื่องกับโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่องในภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในธุรกิจโรงแรม ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดได้ในปีบัญชี 2566

สำหรับธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่า FPL มีสถานะที่แข็งแกร่งทางการตลาดในประเภทศูนย์การค้าชานเมืองในแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยในประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีอุปสงค์ที่ค่อนข้างยืดหยุ่น ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ยอดขายของผู้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าได้เพิ่มสูงขึ้นเหนือระดับก่อนการเกิดโรคระบาด ในปีบัญชี 2565 บริษัทรายงาน PBIT ในธุรกิจนี้อยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยด้วยสาเหตุหลักจากจากการขายศูนย์การค้าบางแห่งออกไป ทริสเรทติ้งมองว่าความเสี่ยงขาลงจากภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะส่งผลอย่างจำกัดต่อธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่าของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนของผู้เช่าที่ขายสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในระดับสูง

ผลการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจเพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่า

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าและโลจิสติกส์ของ FPL ยังคงสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะที่เกิดโรคระบาด สินทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าและโลจิสติกส์ส่วนใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ในประเทศออสเตรเลีย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และประเทศไทย ด้วยปัจจัยด้านอุปทานที่จำกัดและความต้องในการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างระมัดระวังของบริษัทต่าง ๆ สินทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียและยุโรปมีอัตราการเช่าในระดับสูงถึง 97%-100% โดยมีอายุสัญญาเช่าเฉลี่ยนาน 5-6 ปี ณ สิ้นปีบัญชี 2565 นอกจากนี้ การกระจายตัวที่ดีของผู้เช่า รวมทั้งโครงสร้างการปรับขึ้นราคาค่าเช่าที่เป็นแบบคงที่เป็นหลักในประเทศออสเตรเลีย และแบบที่ผูกกับดัชนีราคาผู้บริโภคในยุโรปจะช่วยรองรับผลกระทบด้านรายได้ที่เกิดจากเงินฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ในประเทศไทย บริษัทเน้นการให้เช่าคลังสินค้าและโรงงานในรูปแบบที่ออกแบบให้สำหรับผู้เช่าโดยเฉพาะ โดยมุ่งหวังให้อัตราการเช่าและระยะเวลาการเช่าปรับดีขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังจัดสรรเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจนี้เป็นหลัก โดยคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีงบลงทุนรวมประมาณ 3.5-4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วงปีบัญชี 2566-2568

อุปสงค์ต่อสำนักงานให้เช่าและที่อยู่อาศัยเผชิญความท้าทาย

ธุรกิจสำนักงานให้เช่าของ FPL นั้นส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยสำนักงานและ Business Park ที่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไทย และสหราชอาณาจักร แม้ว่าอุปสงค์ต่อสำนักงานให้เช่าในประเทศสิงคโปร์จะยังอยู่ในระดับสูงด้วยอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 93% แต่อุปสงค์ต่อสำนักงานให้เช่าในประเทศออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และไทยมีอัตราการเช่าที่อ่อนตัวลง ในประเทศออสเตรเลียอัตราการเช่าเฉลี่ยลดลงจาก 79% ในปีบัญชี 2564 มาอยู่ที่ 55% ในปีบัญชี 2565 ทั้งนี้ สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทนำพื้นที่สำนักงานให้เช่าบางกลับแห่งมาพัฒนาใหม่ ในสหราชอาณาจักร อัตราการเช่าเฉลี่ยลดลงจาก 91% ในปีบัญชี 2564 มาอยู่ที่ 88% ในปีบัญชี 2565 จากอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงใน Farnborough Business Park and Blythe Valley Park ทริสเรทติ้งมองว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจะยังคงกดดันผลการดำเนินงานของธุรกิจสำนักงานให้เช่าในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีและรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นทั้งจากที่บ้านและที่ออฟฟิศจะเป็นปัจจัยกดดันต่อธุรกิจสำนักงานให้เช่าในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งคาดว่าจะมีความกดดันเพิ่มสูงขึ้นต่อการปรับเพิ่มราคาค่าเช่า รวมถึงกระทบต่ออัตราการเช่า และระยะเวลาการเช่าสินทรัพย์ของบริษัท

สำหรับธุรกิจพัฒนาและขายโครงการที่อยู่อาศัย รายได้ค่อนข้างใกล้เคียงกับปีก่อนหหน้า FPL มีรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2565 เทียบกับ 1.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2564 ยอดขายที่แข็งแกร่งในประเทศประเทศสิงคโปร์ช่วยลดผลกระทบจากยอดขายที่ชะลอตัวในประเทศออสเตรเลียและไทย ในขณะที่ทริสเรทติ้งมองว่ายอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศสิงคโปร์จะยังคงแข็งแกร่งจากอุปสงค์ที่อยู่ในระดับสูง การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางจะกระทบในเชิงลบต่อยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศออสเตรเลียและไทย สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยโดยรวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 2.0-2.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีได้ในช่วงปีบัญชี 2566-2568 โดยสมมติฐานดังกล่าวพิจารณาจากโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ในแผนการพัฒนาของบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศออสเตรเลียที่บริษัทมีการซื้อสะสมที่ดินอย่างต่อเนื่อง

อัตราส่วนหนี้ปรับดีขึ้นแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง

อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินของบริษัทปรับดีขึ้นมากในปีบัญชี 2565 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นปีบัญชี 2565 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้ว (รวมภาระผูกพันการเช่าดำเนินงานและตราสารหนี้ที่ไม่กำหนดวันไถ่ถอน) อยู่ที่ 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลงมาอยู่ที่ 9 เท่าในปีบัญชี 2565 จาก 12.7 เท่าในปีบัญชี 2564 ในปีบัญชี 2566-2568 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ 10.5-11.5 เท่า การคาดการณ์ดังกล่าวมาจากสมมติฐานว่าบริษัทจะมีรายได้จำนวน 4.4-4.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี ทริสเรทติ้งยังคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับราคาเพื่อสนองตอบต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) คาดว่าจะอยู่ที่ 33%-36% เมื่อเทียบกับ 42% ในปีบัญชี 2565 ซึ่งคิดเป็น EBITDA ที่ประมาณ 1.5-1.65 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2566-2568

หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้ว (รวมภาระผูกพันการเช่าดำเนินงานและตราสารหนี้ที่ไม่กำหนดวันไถ่ถอน) ของ FPL คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 1.6-1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วงปีบัญชี 2566-2568 จากแผนการขยายธุรกิจที่มีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การที่บริษัทมีความสามารถในการบริหารอัตราส่วนหนี้สินและโครงสร้างเงินทุนผ่านการขายสินทรัพย์บางส่วนผ่านทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts ? REITs หรือ ทรัสต์ฯ) หรือผ่านพันธมิตรด้านเงินทุนจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินได้ตามเป้าหมาย บริษัทมีนโยบายที่จะรักษาระดับหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้ต่ำกว่า 1 เท่า ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 0.65 เท่า ทริสเรทติ้งประมาณการว่า FPL จะมีสินทรัพย์ที่สามารถนำมาทยอยขายเข้าทรัสต์ฯ หรือขายให้แก่ผู้อื่นประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์

เมื่อพิจารณาถึงสถานะหนี้สินของบริษัท ณ สิ้นปีบัญชี 2565 หนี้สินของบริษัทจะครบกำหนดชำระคืนเฉลี่ยใน 2.8 ปี และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.7% ต้นทุนทางการเงินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่า อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอ่อนแอลงอยู่ที่ 2-3 เท่าในปีบัญชี 2566-2568 เทียบกับ 3.6 เท่าในปีบัญชี 2565

อัตราส่วนหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนที่อยู่ในระดับสูงถูกลดทอนลงจากธุรกิจที่กระจายตัวดี

ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมีภาระหนี้ทั้งสิ้นจำนวน 1.71 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (รวมตราสารหนี้ที่ไม่กำหนดวันไถ่ถอน) โดยเป็นหนี้สินที่มีประกันรวมประมาณ 2.7 พันดอลลาร์สิงคโปร์และหนี้สินของบริษัทย่อยรวมประมาณ 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ บริษัทจึงมีอัตราส่วนหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ระดับ 73% ซึ่งเกินกว่าระดับเพดานที่ 50% ซึ่งโดยปกติจะบ่งชี้ถึงสถานะที่ด้อยสิทธิกว่าของเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ที่มีสิทธิ์เหนือกว่า อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทมีหน่วยธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจหลายแห่ง ผลการดำเนินงานของแต่ละหน่วยธุรกิจไม่มีความสัมพันธ์กันและไม่มีหน่วยธุรกิจใดที่สร้างกำไรหรือกระแสเงินสดให้แก่ FPL มากกว่า 50% ซึ่งทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าจะช่วยลดความเสียเปรียบของเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ทริสเรทติ้งจึงจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่ได้รับการค้ำประกันโดย FPL ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตองค์กรของ FPL ที่ระดับ ?AA-?

มีสภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่า FPL จะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้านับจากสิ้นเดือนกันยายน 2565 โดยบริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 3.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์และจะจ่ายเงินปันผลที่ประมาณ 450-550 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะมีแผนลงทุนรวมประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์และจะลงทุนในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 1-1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยแหล่งที่มาของเงินทุนประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 จำนวน 3.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 750-800 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ รวมทั้งวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกบางส่วน โดยคาดว่าบริษัทต้องรีไฟแนนซ์หนี้สินบางส่วนและ/หรือขายสินทรัพย์บางส่วนออกไป

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? FPL จะมีรายได้จำนวน 4.4-4.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2566-2568

? มี EBITDA ประมาณ 1.5-1.65 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2566-2568

? FPL จะมีงบลงทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2566 และประมาณ 2.5-3.0 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2567-2568

? เงินลงทุนในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2566-2568

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงผลการดำเนินงานทั้งหมดของ FPL ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยทริสเรสติ้งคาดหวังว่าธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่าและธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังเกิดโรคระบาด และคาดหวังว่าผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าและโลจิสติกส์จะช่วยบรรเทาอุปสรรคด้านเศรษฐกิจ และยังคงสร้างรายได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตหุ้นกู้ของ FPHT หรือผู้ออกหุ้นกู้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหากอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ FPL มีการเปลี่ยนแปลง โอกาสในการปรับลดอันดับเครดิตของ FPL อาจเกิดขึ้นได้หากภาระหนี้สินทางการเงินของ FPL ที่วัดจากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อEBITDA อยู่ในระดับเกินกว่า 12 เท่าอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจจะเกิดทั้งจากการมีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงหรือจากการลงทุนโดยการก่อหนี้เชิงรุก ในขณะที่โอกาสในการเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ หากโครงสร้างหนี้สินของ FPL ปรับตัวดีขึ้นจนมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ต่ำกว่า 7 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า, 15 กรกฎาคม 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT)

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

โครงการหุ้นกู้มีการค้ำประกัน 25,000 ล้านบาท:

- FPHT233A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA-

- FPHT24DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA-

- FPHT258A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA-

- FPHT278A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 AA-

- FPHT283A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 AA-

- FPHT288A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 AA-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ