ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. นอร์ทอีส รับเบอร์” ที่ “BBB-”, แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 19, 2023 14:06 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติทั่วโลกที่มีอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดจนการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางในธุรกิจยางธรรมชาติของประเทศไทยและผลงานที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านการผลิตและการจำหน่ายยางธรรมชาติอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา รวมถึงการที่บริษัทมีตลาดที่กระจุกตัวและมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ตลอดจนการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบการอื่นที่ยังคงอยู่ในอุตสาหกรรม และความท้าทายต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

รายได้เติบโตเพียงเล็กน้อย

บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ระดับ 2.52 หมื่นล้านบาทในปี 2565 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.44 หมื่นล้านบาทในปี 2564 ทั้งนี้ รายได้รวมของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ ซึ่งการเติบโตของรายได้นั้นมาจากราคาขายเฉลี่ยของยางธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทยังคงอยู่ที่ระดับ 2.4 พันล้านบาทในปี 2565

รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เติบโต 12% มาอยู่ที่ระดับ 6.3 พันล้านบาทเนื่องจากยอดขายของผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรม

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะลดลงเล็กน้อยในปี 2566 และจะเติบโตเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 2%-7% ต่อปีในช่วงระหว่างปี 2567-2568 ทั้งนี้ รายได้ที่เติบโตเพียงเล็กน้อยนั้นสอดคล้องกับสมมติฐานของทริสเรทติ้งที่คาดว่าบริษัทจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติได้และการคาดการณ์ที่สต็อกยางธรรมชาติในตลาดหลัก ๆ เช่น จีน จะทยอยปรับตัวลดลง

สามารถรักษาผลการดำเนินงานทางการเงินไว้ได้

อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 12.1% ในปี 2565 อันเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยที่สามารถจัดการได้ และการที่บริษัทดำเนินกลยุทธ์ในการซื้อขายแบบ Back-to-back โดยมีการบริหารจัดการปริมาณการขายและปริมาณการซื้อให้สอดคล้องเหมาะสมกัน

อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9.7% อันเป็นผลมาจากราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติทุกประเภทที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าราคายางธรรมชาติจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2566 จากการที่อุปสงค์ยางธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นและการคาดการณ์ที่ผู้ผลิตยางล้อจะมีระดับสต็อกสินค้าคงเหลือที่ลดลง

ในอนาคตบริษัทมีนโยบายที่ยังคงมุ่งเน้นการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดรวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและสร้างประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดจากการขยายการผลิตในโรงงานยางธรรมชาติแห่งใหม่ในพื้นที่เดิมในจังหวัดบุรีรัมย์ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทน่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับประมาณ 12% เอาไว้ได้ในช่วงระหว่างปี 2566-2568

โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น

บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 53.8% ณ เดือนธันวาคม 2565 และที่ระดับ 49.6% ณ เดือนมีนาคม 2566 จากเดิมที่ระดับ 58.1% ในปี 2564 ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการที่บริษัทมีฐานเงินทุนที่สูงขึ้นจากกำไรสะสมที่ปรับเพิ่มขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่าค่าใช้จ่ายลงทุนโดยรวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 900 ล้านบาทในระหว่างปี 2566-2568 ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับ 37%-47% ในช่วงเวลาดังกล่าว

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2566 บริษัทมีแผนการใช้เงินในช่วง 12 เดือนข้างหน้าซึ่งประกอบด้วยภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวนทั้งสิ้น 1.4 พันล้านบาท เงินลงทุนตามแผนจำนวน 500 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 40% ในขณะที่แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 644 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท รวมถึงเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาทในปี 2566

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินในส่วนที่เกี่ยวกับภาระหนี้สินทางการเงินได้ โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 0.97 เท่าซึ่งต่ำกว่าข้อกำหนดทางการเงินที่ระดับ 2.5 เท่า

ณ เดือนมีนาคม 2566 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 7.7 พันล้านบาทซึ่งรวมถึงภาระหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนที่จำนวน 1.6 พันล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนของหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้สินรวมของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางที่ 21%

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้รวมจะลดลงที่ระดับ 5% ในปี 2566 และจะเติบโตที่ระดับ 2%-7% ในช่วงระหว่างปี 2567-2568

? อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับประมาณ 12% ต่อปีในช่วงระหว่างปี 2566-2568

? ค่าใช้จ่ายลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ระดับ 500 ล้านบาทในปี 2566 และจะอยู่ที่ระดับ 100-250 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2567-2568

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจยางธรรมชาติได้ต่อไปโดยที่บริษัทจะรักษาสถานะสภาพคล่องและสร้างความแข็งแกร่งของงบดุลให้เพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้หากบริษัทมี EBITDA เกินกว่าระดับ 2.5 พันล้านบาทและมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ต่ำกว่า 2.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกินกว่าระดับ 5 เท่าเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง ซึ่งกรณีดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้หากอัตรากำไรของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่บริษัทไม่สามารถแบกรับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นได้ หรือหากอุปสงค์ยางล้อทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากที่อาจทำให้งบการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงก็อาจจะเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NER)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ