ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้เดิมพร้อมจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ “บ. เซ็นทรัลพัฒนา” ที่ “A+/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday June 26, 2009 17:25 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,200 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้า ตลอดจนผลงานในการบริหารศูนย์การค้าที่มีคุณภาพสูง กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ และนโยบายทางการเงินที่มีความระมัดระวัง ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงแผนการขยายงานของบริษัท และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลงด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาสถานภาพที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจบริหารศูนย์การค้า โดยคาดว่าการที่บริษัทมีสัญญาเช่าระยะเวลา 3 ปีกับผู้เช่าพื้นที่ ตลอดจนการมีอัตราการเช่าศูนย์การค้าภายใต้การบริหารของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง และนโยบายทางการเงินที่มีความระมัดระวังจะช่วยให้บริษัทสามารถประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงเวลาตกต่ำของภาวะเศรษฐกิจและการบริโภคโดยรวมไปได้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีตระกูลจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 32% รองลงมาคือ บริษัท เซ็นทรัล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของไทย ในสัดส่วน 27% การเป็นบริษัทในเครือเซ็นทรัลทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นผู้เช่าพื้นที่รายสำคัญ ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าจำนวน 14 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดสำคัญๆ โดยมีพื้นที่ค้าปลีกรวม 915,394 ตารางเมตร (ตร.ม.) พื้นที่ค้าปลีกของบริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5.8% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวของพื้นที่ค้าปลีกรวมในเขตกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 4.9% ต่อปี บริษัทคงความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารศูนย์การค้าในประเทศมาอย่างต่อเนื่องและมีส่วนแบ่งทางการตลาด 24% ณ สิ้นปี 2551 ทั้งนี้ การเปิดให้บริการของศูนย์การค้าใหม่ 3 แห่ง ตลอดจนการซื้อโครงการเจริญศรีคอมเพล็กซ์ และความสำเร็จในการต่ออายุสัญญาเช่าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวไปอีก 20 ปีถือเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทให้มั่นคงยิ่งขึ้น

ทริสเรทติ้งกล่าวว่าบริษัทเซ็นทรัลพัฒนามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นผลจากการมีอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับสูงและรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าสาขาเดิมที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเช่าศูนย์การค้าทั้ง 10 แห่งโดยเฉลี่ยที่ระดับ 94.4% ต่อปี แม้จะเปิดตัวในช่วงเศรษฐกิจถดถอย แต่ศูนย์การค้าใหม่ทั้ง 3 แห่งของบริษัทก็ยังคงมีผู้เช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูงตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ ณ เดือนมีนาคม 2552 อัตราการเช่าศูนย์การค้าของบริษัทโดยเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 96.7% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 92.9% รายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าสาขาเดิมของบริษัทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้ค่าเช่ารวมเพิ่มขึ้น 23% มาอยู่ที่ 2,451 ล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญเนื่องมาจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่งคือ เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช

บริษัทมีความต้องการเงินลงทุนในปี 2552 ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งรวมเงินลงทุนในการซื้อโครงการเจริญศรีคอมเพล็กซ์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วย สำหรับแผนการพัฒนาโครงการระหว่างปี 2553-2555 นั้น บริษัทมีความต้องการใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000-7,000 ล้านบาทต่อปี โดยบริษัทเตรียมจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการดังกล่าวจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและการกู้ยืม บริษัทมีเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 18,505 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2552 และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 53.98% ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการก่อหนี้ของบริษัทจะปรับตัวลดลงหากบริษัทสามารถให้เช่าหรือเช่าช่วงศูนย์การค้าบางแห่งแก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ได้

ทริสเรทติ้งกล่าวว่าดัชนีค้าปลีกซึ่งประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2551 และมีอัตราการเติบโตลดลง 10.8% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เติบโตลดลง 7.1% ในช่วงเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยลดจาก 80.7 ในเดือนมีนาคม 2551 มาอยู่ที่ระดับ 71.5 ในเดือนพฤษภาคม 2552 ทั้งนี้ แนวโน้มการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและการใช้จ่ายภาคเอกชนถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา — จบ

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN)
อันดับเครดิตองค์กร:                                         คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPN10DA:  หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553          คงเดิมที่ A+
CPN119A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554           คงเดิมที่ A+
CPN126A:  หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555          คงเดิมที่ A+
CPN135A:  หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556          คงเดิมที่ A+
CPN145A:  หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557          คงเดิมที่ A+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2556   A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:                                        Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2552 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ   แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ  ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน  บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ