ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ “ธ. เกียรตินาคิน” ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday July 23, 2010 13:22 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของธนาคารที่ระดับ “A-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจหลักของธนาคาร ตลอดจนระบบการบริหารความเสี่ยงที่เป็นที่ยอมรับ ความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ การขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อย และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากสถานะการเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่มีจำนวนสาขาน้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดระดมเงินฝากภายหลังจากที่พระราชบัญญัติประกันเงินฝากฉบับใหม่มีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในเดือนสิงหาคม 2555 นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงทั้งในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และหลักทรัพย์อาจจำกัดความสามารถในการขยายธุรกิจและการทำกำไรของธนาคาร ซึ่งลักษณะของธนาคารขนาดเล็กที่มีโครงสร้างสินทรัพย์และเงินฝากที่ไม่ค่อยกระจายตัวจะเป็นอุปสรรคที่จำกัดการแข่งขันของธนาคารในระยะยาว

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่า ธ. เกียรตินาคินจะยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตทางธุรกิจและการทำกำไรในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าเอาไว้ได้ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถของธนาคารที่จะควบคุมคุณภาพสินเชื่อและดำรงเงินกองทุนที่เพียงพอรองรับความเสี่ยงซึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่ผันผวนในอนาคต อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงที่เกิดจากฐานลูกค้าเงินฝากที่ยังไม่แน่นอนอันเป็นผลมาจากการบังคับใช้ พ.ร.บ. ประกันเงินฝากอย่างเต็มรูปแบบ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธุรกิจหลักของ ธ. เกียรตินาคินประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และธุรกิจการบริหารเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องและสินทรัพย์รอการขาย ธนาคารสามารถบริหารธุรกิจเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีด้วยความชำนาญภายใต้คุณภาพสินทรัพย์ที่ควบคุมได้ เนื่องจากการมีนโยบายให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ธนาคารจึงได้กำหนดแนวทางการอนุมัติสินเชื่อและเกณฑ์การให้สินเชื่อที่เข้มงวด เป็นผลให้สินเชื่อคงค้างของธนาคาร ณ สิ้นปี 2552 เติบโตเพียง 7.8% มูลค่า 87,117 ล้านบาทจาก 80,813 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโต 22% ในปี 2551 อย่างไรก็ตาม สินเชื่อคงค้างเติบโต 7.9% เป็น 94,145 ล้านบาท (ยังไม่ได้ตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี) สำหรับครึ่งแรกของปี 2553 จากจำนวนสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คิดเป็นสัดส่วน 71% และสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 15% ที่เหลือ 14% เป็นสินเชื่อประเภทอื่น

เนื่องจากธนาคารได้ตัดหนี้สูญตั้งแต่ปี 2549 และเน้นการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารจึงลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้น (ชั้นปกติ ชั้นสงสัย และชั้นสงสัยจะสูญ) ต่อสินเชื่อรวมลดลงอย่างมากจากระดับ 14.5% ในปี 2549 เป็น 12.4% ในปี 2550 8.7% ในปี 2551 และ 6.2% ในปี 2552 อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นเป็น 5.9% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารได้รับผลกระทบจากสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 ธนาคารมีสินเชื่อจัดชั้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 25.6% ของสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจาก 22.8% ณ สิ้นปี 2552 อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงเล็กน้อยเป็น 23.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 (ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี)

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธ. เกียรตินาคินสามารถสร้างรายได้ที่ดีขึ้นและคงระดับผลตอบแทนที่สูงจากธุรกิจหลัก ในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ด้วย ธนาคารรายงานผลกำไรสุทธิ 2,231 ล้านบาทในปี 2552 หรือเพิ่มขึ้นถึง 19.4% จาก 1,871 ล้านบาทในปี 2551 ธนาคารยังคงรายงานผลประกอบการที่โดดเด่นในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 โดยมีผลกำไร 1,593 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 61.3% จาก 987 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2552 การปรับเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขายที่มีมากถึง 615 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับ 164 ล้านบาทสำหรับช่วงเดียวกันของปี 2552 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมลดลงเล็กน้อยเป็น 32.8% ในปี 2552 จาก 34% ในปี 2551 โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 45.4% ของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ไทย อัตราส่วนดังกล่าวปรับขึ้นเป็น 34.7% สำหรับครึ่งแรกของปี 2553 ธนาคารมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยเป็น 1.84% ในปี 2553 จาก 1.85% ในปี 2552 แต่อัตราส่วนปรับสูงขึ้นมากเป็น 2.49% (ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี แต่ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) สำหรับครึ่งแรกของปี 2553

ในด้านการระดมทุนนั้น กลยุทธ์ในการเพิ่มจำนวนบัญชีลูกค้ารายย่อยด้วยฐานเงินฝากต่อบัญชีที่มีจำนวนน้อยลงส่งผลให้สัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 7.0% ของเงินฝากทั้งหมด ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 จาก 0.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2551 อัตราส่วนปรับตัวดีขึ้นเป็น 8.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 สาเหตุหลักเนื่องมาจากการที่เงินฝากประจำหรือเงินฝากประเภทจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาลดลง 8.3% จาก 70,344 ล้านบาท เป็น 64,514 ล้านบาท การลดลงของเงินฝากประจำถูกแทนที่ด้วยการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ยืมระยะสั้น (ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงิน) จาก 18,729 ล้านบาท เป็น 23,407 ล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.85% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 (ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี) เนื่องจากธนาคารเน้นสินเชื่อความเสี่ยงสูงที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยเฉพาะสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย การดำรงเงินกองทุนและการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะใช้รองรับความเสียหายที่คาดไม่ถึงจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                        คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KK10NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 966 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 	           คงเดิมที่ A-
KK115A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,289 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 	           คงเดิมที่ A-
KK119A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554  	           คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2555        A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:                                             Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ