(เพิ่มเติม) เลือกตั้ง'62: อนาคตใหม่ยอมรับได้"สุดารัตน์"เป็นนายกฯ งดเสนอชื่อ"ธนาธร"พร้อมยื่น 3 เงื่อนไขร่วมรัฐบาล

ข่าวการเมือง Monday March 25, 2019 19:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงจุดยืนทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งคาดว่าพรรคจะได้เสียง ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อมากกว่า 80 ที่นั่ง โดยยืนยันความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อตนเองให้เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องการรักษาประเพณีการปกครองที่จะให้โอกาสพรรคอันดับหนึ่งมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี และเพื่อไม่ให้เป็นประเด็นต่อรองทางการเมือง

จากคะแนนเสียงของประชาชนที่เลือกให้พรรคอนาคตใหม่จนถึงล่าสุดที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศออกมาอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่อยู่ในอันดับที่ 3 โดยคาดว่าจะมีจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขต และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อรวมกันจำนวยเกิน 80 ที่นั่ง จากคะแนนเสียงที่ประชาชนเลือกให้พรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด 5.8 ล้านคะแนนเสียง

และพร้อมเดินหน้าเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่มีคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันดับ 1 ซึ่งจะต้องเป็นพรรคที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกับพรรคอนาคตใหม่คือหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการเมืองและประเทศไทย

พร้อมกันนั้น นายธนาธร ได้ประกาศเชิญชวน ส.ส.ทุกคน และพรรคการเมืองทุกพรรคที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล

"พรรคอนาคตใหม่ยินดีตอบรับคำเชิญจากพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงในสภาฯอันดับ 1 ที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกันในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และจะเชิญชวนพรรคการเมืองอื่นๆที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกันเข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลด้วย พร้อมกับเปิดทางให้พรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงในสภาฯอันดับ 1 เลือกแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีก่อนตามกติกาและธรรมเนียมมารยาทของรัฐสภา แม้ว่าผมจะพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่จะไม่ให้พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อเพื่อมาแข่งขัน เพราะต้องการปล่อยให้เป็นไปตามกฏกติกาที่ประชาชนได้เลือก ส.ส.เข้ามานั่งในสภาฯ ซึ่งพรรคที่มีจำนวนที่นั่งส.ส.ในสภาฯมากที่สุดซึ่งประชาชนได้เลือกมาควรได้จัดตั้งรัฐบาลและเลือกแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้นก่อน"

นายธนาธร กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองที่ได้อันดับ 1 ของจำนวนส.ส.มากที่สุด คือ พรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะเป็นส.ส.ที่มาจากส.ส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด ทำให้ไม่มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ที่นั่งในสภาฯ ซึ่งกระทบไปถึงแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออันดับ 2 ของพรรคเพื่อไทย คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์

ตนและพรรคอนาคตใหม่ยอมรับการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี เพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้แม้ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ จะไม่ได้เป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่อยู่ในสภาฯ แต่ได้เห็นการปฏิบัติตามกฏกติกาการเลือกตั้งตามที่ กกต.กำหนดมาตลอด ซึ่งเป็นการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงอันดับ 1 ในสภาฯจะเลือกคุณหญิงสุดารัตน์ มาเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้ และยังยินดีที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกัน "เมื่อคืนนี้ก็ได้มีการโทรหารือกับทางพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองและการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งยังไม่ได้มีการพูดไปถึงเก้าอี้นายกฯ ตำแหน่งทางการเมือง และเงื่อนไขใดๆเลย ส่วนใหญ่คุยกันถึงการร่วมกันหยุดยั้งอำนาจคสช."นายธนาธร กล่าว ทั้งนี้ นายธนาธร คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จะมีพรรคที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกันร่วมจัดตั้งรัฐบาลและมีจำนวนที่นั่ง ส.ส.ในสภาฯ ราว 376 ที่นั่ง ซึ่งสามารถช่วยกันปิดสวิทช์ ส.ว.250 เสียงที่จะเข้ามาสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่จุดยืนทางการเมืองเดียวกันที่ต้องหาหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจและไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นายกรัฐมนตรี มีจำนวนมากกว่าพรรคที่ต้องการสืบทอดอำนาจและสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันผลอย่างไม่เป็นทางการมีจำนวนรวมกัน 122 ที่นั่ง ซึ่งต่ำกว่า 124 ที่นั่ง แบ่งเป็น พรรคพลังประชารัฐ 116 ที่นั่ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 ที่นั่ง และพรรคประชาชนปฏิรูป 1 ที่นั่ง

"วันนี้เราก็ขอขอบคุณคะแนนเสียงจากประชาชนอีกครั้งที่มอบให้แก่พรรคอนาคตใหม่ให้เข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนเข้ามาทำงาน แม้ว่าเราจะไม่ได้มีส.ส.ครบทุกภาค ขาดแค่เพียงภาคใต้ที่เราไม่ได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ให้เรากลับมาทบทวนในการทำงานครั้งหน้าให้หนักมากขึ้น และเสียงของประชาชนที่ให้แก่พรรคอนาคตใหม่ 5.8 ล้านคะแนนเสียง ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 และเป็น Popular Vote อันดับ 1 ในกรุงเทพฯ ทำให้เราก้าวข้ามผ่านการเป็นพรรคระดับภูมิภาค มาสู่การเป็นพรรคระดับประเทศ จากการจัดตั้งพรรคเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเราจะเดินหน้าทำงานสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่ประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักของเราที่เข้ามาในการเมือง และเราก็ไม่ได้ต้องการอำนาจหรือตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด"นายธนาธร กล่าว

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม กล่าวว่า เงื่อนไขของพรรคอนาคตใหม่ที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล 3 ข้อ ได้แก่ จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ทั้งฉบับด้วยการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา และจะต้องยกเลิกมาตรา 279 ที่ออกมาเพื่อรองรับการใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมทั้งจะต้องปฏิรูปกองทัพ

"หากพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีจุดยืนเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 3 ข้อ ทางพรรคอนาคตใหม่ยินดีที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย"

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า การที่พรรคพลังประชารัฐที่ไม่ได้จำนวนที่นั่งส.ส.ในสภาเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นอันดับ 2 ในปัจจุบัน มีความพยายามจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคประชารัฐได้คะแนนเสียงจากประชาชนที่โหวตให้มากที่สุด มองว่าเป็นสิ่งที่ผิดธรรมเนียมมารยาทในสภาฯ เพราะจำนวนที่นั่งของ ส.ส.ในสภาฯที่ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนในการทำงานบริหารประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนได้เลือกแล้ว และเป็นมารยาททางการเมืองที่เคยปฏิบัติกันมาในอดีตที่แม้ว่าพรรคการเมืองที่แพ้จำนวนที่นั่งส.ส.ในสภาฯซึ่งเป็นพรรคใหญ่ มีคะแนนแพ้เพียง 2-3 ที่นั่ง ต้องหลีกทางใหมพรรคที่มีจำนวนที่นั่งส.ส.ในสภาฯมากที่สุดจัดตั้งรัฐบาลก่อน

ขณะที่ ในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค. 62) หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และผู้สมัครส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 3 คนจะเดินทางไปที่ กกต.เพื่อส่งเรื่องเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยข้อมูลการเลือกตั้งทุกอย่างให้แก่สาธรณชนได้ทราบทั้งหมด เพื่อเป็นการแสดงความโปร่งใสของการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งมีการพบความผิดปกติของการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจำนวนมาก จึงอยากให้ กกต.เปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างความโปร่งใสในการเลือกตั้งครั้งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ