รมว.คลัง กำชับรัฐวิสาหกิจเร่งเพิ่มประสิทธิภาพ-แก้คอร์รัปชั่น ร่วมขับเคลื่อนศก.ประเทศให้เติบโต

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 13, 2019 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ (SOE CEO Forum) ว่า ต้องการเน้นย้ำให้รัฐวิสาหกิจไทยเร่งทำใน 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1. การเพิ่มประสิทธิภาพ หากทำได้ดีสิ่งนี้จะช่วยตอบโจทย์ว่ารัฐวิสาหกิจไทยสามารถแข่งขันกับภาคเอกชนได้ แต่รัฐวิสาหกิจแตกต่างจากภาคเอกชน เพราะมีส่วนหนึ่งที่เป็นของรัฐบาล ดังนั้นจึงไม่ต้องคำนึงถึงกำไรสูงสุด แค่พอมีกำไรเลี้ยงตัวเองให้สามารถทำตามนโยบายได้ และสามารถดูแลสังคมในส่วนที่ต้องดูแลได้ก็พอ เช่น ภาคการเงิน ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้คนด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ หรือทำอย่างไรจะทำให้คนจนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง เหล่านี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ติดตามและพยายามเรื่องการขับเคลื่อนเม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพราะการลงทุนในส่วนนี้สร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งทางเศรษฐกิจและการเงิน ในเมื่อเป็นสิ่งที่ดี รัฐบาลจึงอยากเห็นการขับเคลื่อนให้ได้เร็วที่สุด เรื่องนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการคลัง เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจถือเป็นการลงทุนของภาครัฐด้วย

"ในขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลกับเศรษฐกิจ เราไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ปัจจัยเหล่านั้นไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ปีละ 4 แสนล้านบาท จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วยที่ภาวะอื่น ๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง เม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดความมั่นคงในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ" นายอภิศักดิ์กล่าว

2. เรื่องการคอร์รัปชั่น การรั่วไหล ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่รัฐวิสาหกิจไทยต้องเร่งแก้ไข เพราะที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจถูกตราหน้าว่าเป็นจุดที่มีการคอร์รัปชั่น การรั่วไหลอยู่เป็นประจำ โดยการรั่วไหล พบได้ 2 ระดับ คือ 1. ระดับนโยบายหรือระดับบน ที่จะมีคนดูแลทางการเมืองเข้ามาสั่งการ และรัฐวิสาหกิจบางส่วนก็จำเป็นต้องทำ และ 2. ระดับปฏิบัติการหรือระดับล่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นจะต้องแก้ไข

"ยืนยันว่าในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่เคยมีการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของรัฐวิสาหกิจ และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข คำถามว่าจะแก้อย่างไร วิธีแก้ในระดับบน คือ ต้องสร้างระบบของการบริหารความเสี่ยงที่จะป้องกันคำสั่งที่ไม่ถูกต้องให้ได้ ซึ่งแต่รัฐวิสาหกิจต้องไปออกแบบมา ส่วนระดับล่าง ก็ต้องไปดูระเบียบต่าง ๆ ว่าสามารถตรวจสอบ และถ่วงดุลกัน นี่คือหัวใจสำคัญ ไม่เช่นนั้นก็ยังมีปัญหาเรื่องรั่วไหลต่อเนื่อง ถามว่าแต่ละรัฐวิสาหกิจรู้ไหมว่ามีปัญหาแบบนี้ เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็รู้ แต่จะให้ดำเนินการอย่างไร ผู้บริหารบางแห่งก็ไม่ทำ ไม่อยากแตะ ดังนั้นถ้ายังแก้ตรงนี้ไม่ได้ การเพิ่มประสิทธิภาพก็จะไม่เกิด เชื่อว่าถ้ารัฐวิสาหกิจไทยทำตรงนี้ได้ เราจะกลายเป็นกลุ่มบริษัทระดับโลก เพราะปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกันสูงถึง 15 ล้านล้านบาท เท่ากับ GDP ประเทศ" นายอภิศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจจะต้องตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นไปที่เรื่อง Digital Economy รัฐวิสาหกิจต้องรองรับสิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังดำเนินการเรื่อง Digital Payment พร้อมทั้งกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องรับและจ่ายเงินเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพราะเราต้องการเปลี่ยนการชำระเงินของประเทศ การเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของประเทศ และด้วยความพยายามดังกล่าว ทำให้ขณะนี้แพลตฟอร์มการชำระเงินของไทย Advance ที่สุดในอาเซียน

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ต้องการให้การขับเคลื่อนรัฐวิสาหกิจเป็นหนึ่งเดียวกัน มองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่ต่างคนต่างไป บางหน่วยงานที่มีผลงานดี มีกำไรสูง ก็ควรเอาเม็ดเงินเหล่านั้นมาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่เอาไปลงทุนในหุ้น หรือบางหน่วยงานเอาเงินที่เป็นรายได้จากในประเทศไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ ตรงนั้นไม่ใช่การพัฒนาประเทศ รัฐวิสาหกิจจะคิดแบบเอกชน คือนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่ได้ เงินเหล่านี้ควรอยู่ในประเทศ การลงทุนในประเทศก็เพื่อให้ประเทศเข้มแข็งมากขึ้น นี่ถือเป็นการรวมพลังเพื่อสร้างประเทศ

"อยากฝากผู้บริหารรัฐวิสาหกิจต้องร่วมกันคิด พยายามช่วยสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ประเทศเจริญขึ้น ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด" รมว.คลังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ