เหล่ากูรูการค้ามองแนวโน้มเศรษฐกิจไทย-จีน ชี้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาแรง

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday August 18, 2019 09:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและเศรษฐกิจไทย-จีน ได้ร่วมวงเสวนาชี้ อำนาจการซื้อของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้ว่าสถานการณ์โลกจะเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่จีนให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมตอกย้ำความสำคัญของโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative

นายจักรินทร์ โกมลศิริ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นายประเสริฐศักดิ์ องค์วัฒนกุล ที่ปรึกษาอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ และพลตรี ดร.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ได้ร่วมกันอภิปรายในหัวข้อ "เศรษฐกิจไทย-จีน 44 ปี แห่งการเติบโต" ดำเนินรายการโดย นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ภายในงาน "44 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน : โลกผันแปรแต่มิตรภาพยั่งยืน" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน

"จีน" ให้ความสำคัญผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายจักรินทร์ โกมลศิริ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีหน้าที่ในการช่วยดูแลการตลาดระหว่างประเทศ และหนึ่งในนั้นที่ทางกรมช่วยดูแล คือ ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่เข้าไปมีบทบาทสำคัญกับอีกหลายๆ ประเทศ และจีนก็มีบทบาทสำคัญกับไทยเช่นกัน การค้าขายระหว่างไทย-จีนที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป ทำให้การค้าระหว่างไทย-จีนมีการชะลอตัว กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมองว่า ตลาดจีนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มีแนวโน้มว่าจะมีอำนาจการซื้อมากขึ้น

นายจักรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ตลาดจีนมีแนวโน้มว่าจะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มว่าจะสร้างโอกาสในตลาดจีนได้มีอยู่หลายหมวด เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าเพื่อผู้สูงอายุ อาหารฮาลาล สปา และการท่องเที่ยว เป็นต้น ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีสำนักงานไทยด้านเศรษฐกิจในจีน คอยดูแลผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจในจีนอยู่ 9 แห่ง ซึ่งจะคอยช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในประเทศจีน นอกจากนี้นายจักรินทร์ ยังมองว่าช่องทางการทำธุรกิจออนไลน์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งไทยก็มีแพลตฟอร์มที่จะรองรับการทำธุรกิจออนไลน์ของคนไทยได้ คือ thaitrade.com เป็นช่องทางของไทยที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงอีกหลายแพลตฟอร์มช่วยให้การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยง่ายขึ้น

"จีน" และกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ

พลตรี ดร.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน มองว่าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 เป็นช่วงที่ทำให้จีนมีความสำคัญกับอาเซียนเป็นอย่างมาก พลังของอาเซียน 10 ประเทศยังไม่เพียงพอ หากอาเซียนไม่ได้แรงหนุนจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จึงทำให้เกิด อาเซียน+3 และจากกรอบความร่วมมือดังกล่าว การร่วมมือของอาเซียนก็ขยายตัวกว้างขึ้น เป็น อาเซียน+6 และอาเซียน+8 ตามลำดับ จากความร่วมมือในระดับทวิภาคี ได้ขยายตัวเป็นความร่วมมือที่กว้างขึ้นในระดับพหุภาคี ทำให้เกิดกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจเกิดขึ้นอีก คือ เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน ด้วยจุดแข็งที่ว่าอาเซียนใช้ฉันทามติ ด้วยจุดแข็งนี้ทำให้ความสำคัญระดับพหุภาคีขับเคลื่อน และเมื่อความสัมพันธ์ระดับพหุภาคีเคลื่อนตัว ความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีก็จะมีความราบรื่น ลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน นอกจากนี้พลตรี ดร.ไชยสิทธิ์ ยังเปิดเผยว่าความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และการมีโครงส้รางพื้นฐานที่ดีก็จะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาคได้ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น ดังนั้นโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง จึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

"สามร่วม ห้าเชื่อม" นโยบายสำคัญของโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง

โครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง อีกหนึ่งโครงการที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งพลตรี ดร.ไชยสิทธิ์ ได้กล่าวถึง "สามร่วม ห้าเชื่อม" นโยบายของโครงการนี้ คือ ร่วมคิด ร่วมสร้างสรรค์ และร่วมแบ่งผลประโยชน์ การร่วมกันทำทั้ง 3 อย่างนี้ พร้อมทั้งแบ่งผลประโยชน์ที่ชัดเจนจะช่วยให้ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในภายหลัง อีกอย่างคือ "ห้าเชื่อม" นั่นก็คือ เชื่อมนโยบาย ทำให้นโยบายสอดคล้องกันไปในทางเดียวกัน เชื่อมโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ เชื่อมช่องทางการค้า มีการรับรองสิทธิบัตร กฎหมายลิขสิทธิ์ทำให้เกิดความเชื่อใจในการค้า เชื่อมเงินทุน และสุดท้าย เชื่อมใจประชาชนเข้าด้วยกัน ข้อสุดท้ายสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่มีข้อนี้ ข้อแรกก็จะไม่เกิดขึ้น และการเชื่อมประชาชนเข้าด้วยกันจากวัฒนธรรม ภาษา และอารยธรรม เป็นการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน

ในอนาคตไม่มีใครหนีการทำธุรกิจกับจีนได้อีกแล้ว

นายประเสริฐศักดิ์ องค์วัฒนกุล ที่ปรึกษาอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ มองว่า ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาระหว่างไทย-จีน มีความลึกซึ้งเป็นอย่างมาก จีนมีแรงงานที่ชำนาญมาจากการฝึกฝน จนสามารถพูดได้ว่าสินค้าจีนไม่กลัวใคร นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า "การทำธุรกิจอย่าไปกลัว ยิ่งกลัว ก็ยิ่งไม่กล้า พอไม่กล้าโอกาสก็จะหายไป" ในอนาคตไม่มีใครหนีการทำธุรกิจกับจีนได้อีกแล้ว นโยบายการทำธุรกิจของจีนไม่ได้เติบโตแค่เพียงในประเทศอีกต่อไป แต่ยังก้าวเข้าสู่ต่างประเทศผ่านโครงการ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" นอกจากนี้นายประเสริฐศักดิ์ ยังแนะเคล็ดลับในการทำธุรกิจว่า ถ้าจะทำธุรกิจ ต้องปกป้องวัตถุดิบให้เพียงพอ การนำสินค้าเข้าไปขายในจีนต้องคำนึงว่าวัตถุดิบจะเพียงพอหรือไม่ และมีต้นทุนเพียงพอหรือไม่ หากไม่ปกป้องสินค้าของตนเอง สินค้าก็จะไม่เพียงพอ นอกจากนั้นยังต้องรักษาตลาดให้ได้ และนายประเสริฐศักดิ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า "การทำธุรกิจนั้น มองเห็นโอกาสไม่ผิด แต่อย่ามองแค่โอกาส ต้องมองด้วยว่าตัวเราเองพร้อมหรือไม่"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ