นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ (CPT) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท ซีเมนส์ จำกัด โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "License Partner" สัญญา 5 ปี ผลิตตู้ไฟฟ้าและจำหน่ายอุปกรณ์ภายใต้ตราสินค้า SIEMENS ซึ่งจะดำเนินการผลิตจากโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/62 จากปัจจุบันอยู่ระหว่างทดลองเครื่องจักรให้รองรับกำลังการผลิตได้ 3,000 ช่อง/ปี (3 ช่องเท่ากับ 1 ตู้) จากปัจจุบันที่โรงงานเดิมมีกำลังการผลิต 7,000 ตู้/ปี
ทั้งนี้ ภายหลังจากเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที และน่าจะเห็นรายได้เข้ามาอย่างชัดเจนในปี 63 ซึ่งบริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโตอย่างน้อย 20%
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้มองว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าไปประมูลงานขนาดใหญ่ได้ทุก ๆ โครงการ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี, โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อย่าง งานรถไฟฟ้า, งานในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) , งานสาธารณูปโภค, งานการไฟฟ้า เป็นต้น
โดยซีเมนส์ จะถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิศวกรรมต่างๆ ในการผลิตตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับโลก (World-class Standard) และมีส่วนช่วยสำคัญให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจไปได้ในแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีความต้องการใช้ระบบไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือและต้องการตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับสูง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของตลาดตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าทั้งหมด ดังนั้น การร่วมเป็นพันธมิตรกับ ซีเมนส์ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น
"การร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้ากับกลุ่มซีเมนส์ ถือเป็นเครื่องหมายการันตีถึงคุณภาพของสินค้าที่ CPT เป็นผู้ผลิต ซึ่งได้มาตรฐานระดับโลกจนได้รับการยอมรับจากผู้นำนวัตกรรมด้านวิศวกรรมไฟฟ้าระดับโลกอย่างซีเมนส์ที่ให้ความไว้วางใจ และถือว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ CPT ในการสร้างการเติบโตรอบใหม่ให้แก่ธุรกิจ เพื่อรองรับแผนงานขยายตลาดตู้ไฟฟ้าไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น" นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากการทำข้อตกลงความร่วมมือ บริษัทจะเริ่มส่งเจ้าหน้าที่ไปฝึกอบรมยังต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับโลก ตั้งแต่ไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโต 10% จากปีก่อน ตามการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ทั้งหมดที่ปัจจุบันอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีกตลอดทั้งปี มูลค่ารวม 800 ล้านบาท ได้แก่ งานการประปา, งานโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย, อุตสาหกรรมปาล์ม เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังมีงานในต่างประเทศที่ได้เข้าไปประมูลงานอีกหลายงาน ทั้งในฟิลิปปินส์ และเมียนมา ส่วนประเทศอินโดนีเชีย บริษัทอยู่ระหว่างรอความคืบหน้า การเข้าประมูลงานของโรงงานน้ำตาลกลุ่มมิตรผล ในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือน มิ.ย.62 เบื้องต้นคาดว่าหากได้รับงานดังกล่าวจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้น่าจะยังใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 10%
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ เพื่อดำเนินธุรกิจการปล่อยสินเชื่อเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมหนัก โดยการนำพลังงานที่สูญเสียจากการใช้ไฟมาทำให้เกิดประโยชน์และประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ บริษัทมีแผนจะจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ ซีพีที ลิสซิ่ง ในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือน ส.ค.นี้ ตั้งวงเงินปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 400 ล้านบาท
ขณะที่ความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดไม่เกิน 9 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าจะสรุปได้ในเดือนพ.ค.นี้ว่าจะลงทุนในรูปแบบเข้าซื้อกิจการหรือลงทุนด้วยตัวเอง