STI จัดโรดโชว์นักลงทุนที่กรุงเทพฯ คาดเสนอขายหุ้นช่วงปลาย พ.ย.นี้

ข่าวอสังหา Tuesday November 20, 2018 15:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--IR PLUS สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI ที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม , งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน จัดโรดโชว์ข้อมูลแก่นักลงทุน โชว์ปัจจัยพื้นฐานแกร่งจากการอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวต่อเนื่องทั้งอสังหาฯ ค้าปลีก ท่องเที่ยว "สมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์" ย้ำทีมผู้บริหารและบุคลากรมีประสบการณ์มีความเชี่ยวชาญธุรกิจมาอย่างยาวนาน คาดเสนอขายหุ้น นำเงินระดมทุนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมทักษะความรู้พนักงาน และลงทุนระบบปฏิบัติการภายในเสริมศักยภาพ นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างและให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม , งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ STI นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนและประชาชน หรือ โรดโชว์ ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อแนะนำข้อมูลธุรกิจและข้อมูลทางการเงินของกลุ่ม STI ก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี ทั้งนี้ STI จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 68,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.37% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้ STI มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วอยู่ที่ 134,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 268,000,000 หุ้น โดยในขณะนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาแบบคำขออนุญาตการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนจากสำนักงาน ก.ล.ต. (SEC) เพื่อที่จะยื่นเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไป การเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อตอกย้ำนักลงทุนให้มีความเข้าใจในธุรกิจของกลุ่ม STI และรับทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน พร้อมวิสัยทัศน์ในการบริหารของคณะผู้บริหาร ด้วยจุดเด่นต่างๆ จากบุคลากรผู้มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางธุรกิจ พร้อมด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และศักยภาพในการเติบโตของกลุ่ม STI ที่สอดคล้องกับการขยายตัวของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน ทำให้เชื่อว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสำหรับการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 นอกจากนี้ กลุ่ม STI เป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างและให้บริการอย่างครบวงจร มีสัดส่วนรายได้ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 จำแนกตามส่วนงานของกลุ่ม STI แบ่งป็น 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ รายได้จากธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 88.82% และรายได้จากธุรกิจออกแบบ สถาปัตยกรรม และวิศวกรรม 11.18% ของรายได้จากการให้บริการทั้งหมด สำหรับผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม – มิถุนายน) กลุ่ม STI มีรายได้จากการให้บริการ 277.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.56% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 อยู่ที่ 215.63 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง มีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น เช่น โครงการ One Bangkok โครงการ The PARQ โครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น สำหรับธุรกิจออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ได้งานโครงการออกแบบผังเมืองเข้ามาเพิ่มเติมในปีนี้ จากการได้รับว่าจ้างเป็นผู้ออกแบบผังเมืองในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) สำหรับจังหวัดชลบุรี STI มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) จำนวน 716.53 ล้านบาท หรือประมาณ 100 โครงการ แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน 659.69 ล้านบาท และงานออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม จำนวน 56.84 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือดังกล่าวตามความสำเร็จของงาน ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 ไปจนถึง 2-3 ปีข้างหน้า จึงคาดว่าแนวโน้มธุรกิจในปีนี้จะสามารถเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ 494.56 ล้านบาท กำไรสุทธิ 57.51 ล้านบาท "บริษัทได้เดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อม และเพื่อให้นักลงทุนได้ทำความเข้าใจในธุรกิจของกลุ่ม STI มากยิ่งขึ้น จากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความสำเร็จจากงานโครงการขนาดใหญ่มากมาย รวมถึง โครงการ One Bangkok โครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ STI ได้รับความไว้วางใจให้ไปดูแลงานที่ปรึกษาบริหารและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งจะมีการทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตามความสำเร็จของโครงการ การตัดสินใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ ก็เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ การเข้าประมูลงานใหม่อย่างสม่ำเสมอ จากลูกค้าภาคเอกชนที่กลุ่ม STI มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ทั้งงานแนวราบและแนวสูง และรุกงานภาครัฐบาลเพิ่มขึ้น เพื่อก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล" นายสมเกียรติ กล่าว สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ วางแผนจะนำไปลงทุนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมทักษะความรู้พนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ประมาณ 40 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์ระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรมด้านการออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง และการเงิน-การบัญชี ประมาณ 30 ล้านบาท ลงทุนงานระบบและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และเงินทุนในการเข้าลงทุนในกิจการอื่นๆ เพิ่มขีดความสามารถของกลุ่ม STI ให้ได้มาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ