กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--มรภ.สงขลา
"ดีเจนัฏฐ์ ชัชวิณทร์" นักประชาสัมพันธ์สถานีวิทยุเพื่อการศึกษา มรภ.สงขลา รับรางวัลนักสื่อสารมวลชน ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมดีเด่น เวทีสยามนครีสโตย เจ้าตัวเผยเคล็ดลับความสำเร็จ ทำงานด้วยความขยัน ซื่อสัตย์ ยึดถือจรรยาบรรณ พร้อมมีจิตอาสาเพื่อส่วนรวม
นายเอกมาศ สงสว่าง นักประชาสัมพันธ์ประจำสถานีวิทยุเพื่อการศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) FM 105.75MHZ หรือที่รู้จักกันในนาม ดีเจนัฏฐ์ ชัชวิณทร์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนได้รับรางวัลนักสื่อสารมวลชน ผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมดีเด่น จากเวทีสยามนครีสโตย ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ศูนย์ให้คำปรึกษากิจกรรมเพื่อสังคม เป็นผู้พิจารณาคัดเลือก โดยรางวัลนี้มอบให้กับผู้ที่มีจิตอาสา เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อทำงานในด้านสื่อมวลชนอย่างเต็มกำลัง เช่นเดียวกับตนที่ทำงานโดยไม่เคยปริปากบ่น และไม่คำนึงนึกถึงสิ่งตอบแทน แค่ได้ทำงานที่รัก ซื่อสัตย์กับหน้าที่ และนำประสบการณ์มาพัฒนาตัวเองให้ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
นายเอกมาศ กล่าวว่า ตนมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุมาตั้งแต่เด็ก จึงมุ่งมั่นเรียนและทำงานในสายนี้มาตลอด จนกระทั่งได้เข้ามาทำงานที่ มรภ.สงขลา จากความตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถมาโดยตลอด ส่งผลให้ได้รับรางวัลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้ออกสื่อตามหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รวมทั้งการโฟนอินไปยังรายการทีวีที่ติดต่อมาหลายช่อง ส่วนเวทีนี้เป็นอีกหนึ่งเวทีที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับชีวิตและตอบแทนสถาบันที่สังกัดอยู่ด้วย อยากฝากน้องๆ ที่กำลังก้าวสู่เส้นทางอาชีพว่า หากเรามีความฝันให้มุ่งมั่นจนสำเร็จ เมื่อได้งานหรือสิ่งที่ใจต้องการแล้วก็จงทำมันออกมาให้ดีที่สุด เหมือนวันแรกที่ให้คำสัญญากับตัวเองและผู้ให้โอกาสไว้ อย่าลืมว่าโลกการทำงานในปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนสูง เกิดการแย่งเก้าอี้ทำงาน หลายคนพลาดโอกาสนี้ไป ดังนั้น จงให้เกียรติคนอื่นและสร้างคุณค่าแก่ตัวเองด้วยผลงาน
"สิ่งแรกที่นึกถึงหลังประกาศผลรางวัลคือ โอกาสที่ได้จาก มรภ.สงขลา จากแค่ดีเจนั่งจัดรายการอยู่หลังไมค์ ไม่เคยกล้าก้าวไปทำงานอย่างพิธีกร กิจกรรมเบื้องหน้าอื่นๆ แต่ด้วยการส่งเสริมของหัวหน้าสถานีวิทยุ ดร.ศุภฤกษ์ เวศยาสิรินทร์ คอยหยิบยื่นโอกาสให้ทดลองทำตั้งแต่กิจกรรมเล็กๆ ไปจนถึงงานใหญ่ระดับประเทศ บวกกับแรงผลักดันจากรองหัวหน้าสถานี อ.ย๊ะ จารุวรรณ เพชรรักษ์ ที่สร้างภูมิความกล้าจนได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่สนับสนุนให้พิสูจน์ตัวองกลายเป็นที่รู้จักของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก จนทุกวันนี้มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะงานพิธีกร" นายเอกมาศ กล่าวและว่า
การทำงานด้านสื่อสารมวลชนไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ทุกคนคิด และถือเป็นบทบาทที่ยากพอสมควร เพราะต้องผลิตสื่อให้ตรงใจคนรับสาร สร้างความน่าเชื่อถือและจริงใจเป็นหลัก จำเป็นต้องอาศัยทั้งเวลา การวางตัว และการทำงานด้วยความขยัน ซื่อสัตย์ ยึดถือจรรยาบรรณ อีกสิ่งสำคัญคือจิตอาสา ซึ่งทำให้เราได้ประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น ทั้งทักษะการพูด การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และมีช่องทางเข้าถึงประชาชนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หากมีกิจกรรมในลักษณะงานเพื่อสังคมให้รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ ส่วนตนเองเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดถึงปัจจัยค่าตอบแทน ถือเป็นการช่วยเหลือในสายวิชาชีพที่เราถนัด ขอแค่ประสบการณ์และได้เข้าถึงคนฟังแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว