“บล.โกลเบล็ก” ลุ้นหุ้นไทยไปต่อให้กรอบ 1,730-1,765 จุด แนะลงทุนหุ้นได้อานิสงส์บาทแข็ง –หุ้น Defensive -หุ้น Theme EEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 2, 2019 10:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยขาขึ้น ตอบรับผลการประชุมนอกรอบ G20 สหรัฐ-จีนออกมาในทิศทางที่ดี และกระทรวงคลังเตรียมหารือรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อรอบใหม่ แต่แนะจับตาเศรษฐกิจหวั่นการชะลอตัวหลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายกลุ่มลดลง ให้กรอบดัชนี 1,730-1,765 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง หุ้นที่ได้ประโยชน์จากสหรัฐเลิกแบนหัวเว่ย และ หุ้น Theme EEC ส่วนด้านราคาทองสร้างฐานเหนือ 1,365 ดอลลาร์ เป็นจังหวะเข้าซื้อเก็งกำไรเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือน ก.ค. นี้ น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากในประเทศ และต่างประเทศ หลังจากการเจรจานอกรอบระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนออกมาในทางที่ดี โดยสหรัฐประกาศจะไม่เพิ่มการเก็บภาษีรอบใหม่กับสินค้าส่งออกของจีนมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และอนุญาตให้บริษัทในสหรัฐให้บริการและซื้อขายกับ Huawei อีกครั้ง ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป โดยตัวเลชดัชนี CPI ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวเฉลี่ย 0.92% ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดเป้าเงินเฟ้อปี 2562 เหลือโต 1% ในกรอบ 0.7-1.3% จากเดิม 1.2% กรอบ 0.7-1.7% และกระทรวงการคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภครอบใหม่ โดยเร่งจัดทำข้อมูลเสนอรัฐบาลใหม่เบื้องต้นมีงบประมาณ 1 แสนล้านบาท ส่วนปัจจัยลบที่ยังคงกดดันการลงทุนในระยะนี้ อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือน มิ.ย. อยู่ที่ระดับ 54.2 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 54.3 ขณะที่ PMI ภาคการผลิตเดือน มิ.ย. ทรงตัวจาก พ.ค. ที่ระดับ 49.4 ดัชนีต่ำกว่า 50 บ่งถึงชี้ภาวะหดตัว และค่าเงินบาทแข็งค่าทำสถิติใหม่แข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปีกดดันอัตราการเติบโตของการส่งออกไม่เติบโตตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่หลายสำนักวิจัยคาดจะเห็นมูลค่าส่งออกหดตัว นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาในวันที่ 1- 2 ก.ค. ทางกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกประชุม หารือเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดการผลิต ส่วนในวันที่ 2 ก.ค. อียู เปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และวันที่ 3 ก.ค. จีน เปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย. ทางด้านสหรัฐ เปิดเผย ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดนำเข้ายอดส่งออกและดุลการค้าเดือนพ.ค. ดัชนีภาคบริการ คำสั่งซื้อภาคโรงงาน และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับขึ้นหลังผลการประชุมนอกรอบการประชุมกลุ่มประเทศ G20 ระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนออกมาในทิศทางที่ดี คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,730-1,765 จุด จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง เช่น TASCO, TOA, PTTEP, TOP, EGCO, HARN รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสหรัฐเลิกแบนหัวเว่ย อาทิ SYNEX และหุ้นน่าลงทุน Theme EEC play : AMATA, WHA, WHAUP, WHART, EASTW, ATP30, ORI สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 20 ดอลลาร์ โดยทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ยิงโดรนของกองทัพสหรัฐตก อย่างไรก็ตามทองคำลดช่วงบวกลงจากที่นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สภาวิเทศสัมพันธ์ในกรุงนิวยอร์ก อีกทั้งประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ได้แสดงความเห็นคัดค้านการที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ค. นอกจากนี้นักลงทุนได้เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มผ่อนคลายขึ้นในการประชุมนอกรอบของการประชุม G20 ดังนั้นคาดการณ์ราคาทองคำในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,365- 1,410 ดอลลาร์ โดยหากสามารถสร้างฐานได้เหนือ 1,365 ดอลลาร์ มองเป็นจังหวะเข้าซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไรเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งทาง Bloomberg คาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาส 84.5% ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 2.25%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ