ย้อนตำนาน BORGWARD Group ผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของเยอรมนีในปี 1957

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 27, 2015 15:57 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

ชตุทท์การ์ท, เยอรมนี--27 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ ผู้บุกเบิกนวัตกรรม - แหล่งอ้างอิง: สามารถรับชมและดาวน์โหลดรูปภาพได้ที่ AP Images (http://www.apimages.com) และ http://www.presseportal.de/nr/115998/ - หลังสิ้นสุดสงครามโลกไม่นาน การค้าการส่งออกได้เริ่มขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าตลาดดังเช่นปัจจุบัน โดยในปี 1961 สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หรือเยอรมนีตะวันตกในเวลานั้น รั้งตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมียอดขายในต่างประเทศมากกว่า 1 ล้านคันต่อปี แม้กระทั่งในปี 1959 การส่งออกคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50.7% ของการผลิตทั้งหมด ซึ่งอุปสงค์จากต่างประเทศนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีสั่งสมศักยภาพการผลิตได้อย่างมาก ก่อนปี 1954 BORGWARD Group ผลิตรถยนต์เพื่อรองรับตลาดภายในประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ดี ในปี 1957 บริษัทได้กลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของเยอรมนี รองจากโฟล์คสวาเกน ด้วยยอดขาย 6,232 คันในต่างประเทศ จากนั้นในปีต่อมา ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 11,363 คัน คิดเป็นสัดส่วน 72% ของยอดการผลิตทั้งหมดของ BORGWARD ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากเบรเมนรายนี้นำหน้าบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนี ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกโดยเฉลี่ยที่ 48.2% ทันทีที่สงครามสิ้นสุดลง คาร์ล เอฟ. ดับเบิลยู. บอร์กวาร์ด ได้เริ่มก่อตั้งโรงงานของบริษัทในประเทศอาร์เจนตินา บราซิล อินโดนีเซีย สเปน และแอฟริกาใต้ ซึ่งหลายครั้งที่โรงงานเหล่านี้ได้ดำเนินการผลิตในรูปแบบ CDK ซึ่งย่อมาจาก “completely knocked down” อันหมายถึงการส่งออกชิ้นส่วนต่างๆไปยังตลาดใดตลาดหนึ่งซึ่งจะนำชิ้นส่วนไปประกอบเป็นรถยนต์สำเร็จรูปเพื่อทำการขายต่อไป BORGWARD ยังมีโรงงานประกอบในชิลี เม็กซิโก ไอร์แลนด์ แอนต์เวิร์ป และในออสเตรเลียที่ฮาร์ทเนตต์-ลอยด์ นอกจากนี้ BORGWARD ยังได้ก่อตั้งบริษัทด้านการขายของตนเองในสหรัฐ ในชื่อ BORGWARD Motors Corporation ที่เมืองบอสตัน ด้วยความรอบรู้ทางธุรกิจ คาร์ล เอฟ. ดับเบิลยู. บอร์กวาร์ด ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าการเพิ่มกำลังการผลิตจะนำไปสู่การลดต้นทุนต่อหน่วยลง และการส่งออกจะเปิดทางให้บริษัทจำหน่ายรถยนต์ในราคาที่ถูกลงมาก ในขณะเดียวกัน การส่งออกที่เพิ่มขึ้นยังช่วยชดเชยช่วงขาลงของตลาดภายในประเทศในช่วงฤดูหนาวของเยอรมนี ซึ่งนั่นหมายความว่าการผลิตจะสามารถดำเนินไปได้ตลอดทั้งปี โดยในช่วงทศวรรษที่ 1950s และ 60s ความต้องการรถยนต์ในเยอรมนีได้ปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงฤดูหนาว ซึ่งส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศเกือบทุกรายต้องลดกะการทำงาน หรือผลิตเพื่อสำรองในคลังสินค้าแทน ในฐานะที่เป็นนายจ้างที่มีความรับผิดชอบ คาร์ล เอฟ. ดับเบิลยู. บอร์กวาร์ด เลือกที่จะดำเนินการอย่างหลังมาโดยตลอด ถึงแม้จะต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากก็ตาม อย่างไรก็ดี ผลปรากฏว่า ในทศวรรษที่ 1950s ยอดส่งออกสามารถชดเชยยอดขายที่ลดลงในช่วงฤดูหนาวได้ BORGWARD Group สร้างความมั่นคงแข็งแกร่งในตลาดส่งออกได้อย่างรวดเร็ว โดยในตลาดทั้งรถยนต์และรถบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 1 ตันนั้น ตรารูปเพชรอันโดดเด่นของ BORWARD ได้ก้าวขึ้นครองตลาดในสวีเดน เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ และนับตั้งแต่สิ้นสุดทศวรรษที่ 1950s เป็นต้นมา การส่งออกไปยังประเทศนอกยุโรป เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และแอฟริกาใต้ ก็มีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐ ซึ่งรถยนต์ขนาดเล็กที่ผลิตในเยอรมนีได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ที่มองหารถยนต์คันที่สองหรือคันที่สาม อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วและได้เริ่มผลิตรถยนต์ประเภทนี้ขึ้นเองในปี 1959 ส่งผลให้ยอดส่งออกรถยนต์ของเยอรมนีไปยังสหรัฐลดลง 115,340 คันในปี 1960 หรือลดลง 19% ทำให้ BORGWARD ซึ่งมีสัดส่วนขนาดใหญ่ในภาคการส่งออก ได้รับผลกระทบจากภาวะขาลงดังกล่าวมากเป็นพิเศษ ถึงกระนั้น การให้ความสำคัญกับการส่งออกอย่างแน่วแน่ และความปรารถนาที่จะพิชิตตลาดทั่วโลก ส่งผลให้ BORGWARD ทิ้งห่างผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆในช่วงทศวรรษที่ 1950s และสำหรับ BORGWARD ในวันนี้ ความต้องการที่จะพิชิตตลาดทั่วโลกยังคงเป็นความท้าทายสำคัญแห่งศตวรรษที่ 21 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: BORGWARD Group AG Jurgen Schramek Kriegsbergstrasse Head of Product Communications 11 70174 Stuttgart, โทร: +49-711-7941851043 Germany อีเมล: media@borgward.com เว็บไซต์: http://www.borgward.com ที่มา: BORGWARD Group AG

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ