“กว่างโจว” ศูนย์กลางการค้าในอดีต สู่ความเป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน

ข่าวต่างประเทศ Monday March 13, 2017 16:05 —Asianet Press Release

นิวยอร์ก--13 มี.ค.--ซินหัว-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์ วิดีโอขนาดสั้นชื่อ "Guangzhou, Flower City in Bloom" (กว่างโจว เมืองแห่งดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน) ได้เปิดตัวบนจอขนาดยักษ์ใจกลางจัตุรัสไทม์สแควร์ ในมหานครนิวยอร์กเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่นครกว่างโจว เมืองใหญ่อันดับสามของจีน ได้นำเสนอเมืองของตนเองบน "ชุมทางของโลก" โดยคลิปวิดีโอความยาว 30 วินาทีนี้ ได้นำเสนอภาพลักษณ์การเป็นเมืองระดับนานาชาติ เมืองแห่งเทคโนโลยี และเมืองแห่งศิลปะของกว่างโจวให้ชาวโลกได้เห็น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของนครกว่างโจวในการพัฒนาสู่ความเป็น "เมืองศูนย์กลางเครือข่าย" ตามแผนพัฒนาที่วางไว้เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว นครกว่างโจวจะเปิดสำนักงานในซิลิคอนแวลลีย์และบอสตันในวันที่ 14 มีนาคมนี้ เพื่อให้เป็นสะพานเชื่อมไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยจะเป็นสำนักงานตัวแทนของนครกว่างโจวในต่างประเทศสองแห่งแรก ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาและยุโรปในด้านเทคโนโลยีและการแลกเปลี่ยนบุคลากรที่มีความสามารถ นครกว่างโจวตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเป็นประตูทิศใต้ของจีน และเป็นหนึ่งในเมืองท่าที่สำคัญที่สุดในด้านการค้ากับต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในยุคโรมันโบราณนั้น ผ้าไหมที่นำเข้าจากกว่างโจวถือเป็นสินค้าล้ำค่าที่สุดในแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และตลอดช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา กว่างโจวมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในฐานะศูนย์กลางการขนส่งทางเรือ โลจิสติกส์ และการค้าของจีน ทั้งนี้ กว่างโจวมีประชากรกว่า 14 ล้านคน และมี GDP ในปี 2559 อยู่ที่ 1.96 ล้านล้านหยวน (2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม กว่างโจวไม่ต้องการจมอยู่กับความรุ่งเรืองในอดีตในฐานะศูนย์กลางทางการค้ามาหลายศตวรรษ ดังนั้น เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของกว่างโจวในการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดครั้งใหม่ การที่กว่างโจวพัฒนาตนเองโดยอาศัยความได้เปรียบจากรากฐานธุรกิจในอดีตและการเป็นเมืองที่เปิดกว้าง ได้ทำให้กว่างโจวเหนือกว่าเมืองขนาดใหญ่และขนาดกลางอื่นๆในจีน ในการพัฒนาตนเองโดยอาศัยแรงขับเคลื่อนจากเทคโนโลยี การดำเนินกลยุทธ์แบบเปิดกว้างเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกในด้านนวัตกรรมนั้น ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์นครกว่างโจวในการพัฒนาไปสู่ความเป็น "เมืองศูนย์กลางเครือข่าย" หม่า เจิ่งหย่ง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งนครกว่างโจว กล่าวว่า กว่างโจวได้จัดตั้งกลไกการทำงานร่วมกับประเทศเบลารุส นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อังกฤษ ยูเครน และอีกหลายประเทศ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกาแล้ว กว่างโจวยังมีแผนที่จะจัดตั้งสำนักงานในอิสราเอล เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับประเทศดังกล่าวอีกด้วย ธุรกิจอีคอมเมิร์ช โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน มีการขยายตัวรวดเร็วจนน่าทึ่งในกว่างโจว อันเป็นผลมาจากการปรับตัวของธุรกิจแบบดั้งเดิมที่หันไปใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต โดย เฉิน เจี๋ย ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพาณิชย์แห่งนครกว่างโจว กล่าวว่า ในปี 2559 ยอดส่งออกและนำเข้าของบริษัทอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในกว่างโจวมีมูลค่าสูงถึง 2.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.2 เท่า ขณะที่ยอดขายปลีกของร้านค้าออนไลน์มีมูลค่าประมาณ 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวมากถึง 20.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจุบัน กว่างโจวได้พยายามลดกฎเกณฑ์ต่างๆ และเพิ่มความสะดวกสบายในด้านการค้ามากขึ้น และกำลังจะกลายเป็น "เมืองศูนย์กลางของธุรกิจอีคอมเมิร์ซจีน" ซึ่งจะช่วยให้บริษัทอีคอมเมิร์ซต่างชาติสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดจีนได้ เขากล่าวทิ้งท้ายว่า "การที่ชาวจีนมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าคุณภาพดีจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น สินค้าต่างประเทศจึงมีโอกาสเจาะตลาดจีนได้มากขึ้น ซึ่งไม่เพียงช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกว่างโจวเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสการพัฒนาให้กับโลกด้วยการผลักดันกว่างโจวให้เป็นศูนย์กลางของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ" ที่มา: เทศบาลนครกว่างโจว ลิงค์รูปภาพ: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=285424 AsiaNet 67756

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ