สถาบัน Texas Cardiac Arrhythmia Institute ประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว

ข่าวต่างประเทศ Wednesday February 14, 2018 16:48 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

ออสติน,เท็กซัส--14 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไรอัน ไวส์แมน กำลังอยู่ ณ จุดสูงสุดของชีวิต "ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก ชีวิตผมเข้าที่เข้าทาง ผมดูแลทั้งสุขภาพกายและใจของตนเองอย่างดี ขณะที่ความสัมพันธ์ก็แข็งแกร่ง" แต่แล้ว ในการตรวจสุขภาพตามปกติระหว่างทำงานให้กับกองทัพสหรัฐในแคลิฟอร์เนีย แพทย์กลับพบว่าเขามีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบที่เรียกว่าภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation หรือ A Fib) "A Fib เป็นภาวะที่หัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะ ส่งผลให้ทำงานผิดปกติ กล่าวคือไม่มีการบีบตัว" นายแพทย์อันเดรอา นาตาเล M.D., F.H.R.S., F.A.C.C., F.E.S.C. ผู้อำนวยการบริหาร Texas Cardiac Arrhythmia Institute (TCAI) at St. David's Medical Center กล่าว คุณไวส์แมนกล่าวว่า "ทันใดนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผมออกกำลังกายไม่ได้ และอาจมีชีวิตไม่ยืนยาวเท่าที่หวัง ความจริงนี้ทำให้ผมและภรรยาสะเทือนใจมาก" ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี คุณไวส์แมนเข้ารับการรักษาด้วยการช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า 10 ครั้ง การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง 4 ครั้ง และการผ่าตัด 1 ครั้ง แต่ทั้งหมดล้มเหลว "หลังจากที่ผมเข้ารับการจี้หัวใจครั้งที่ 3 แพทย์ผู้ดูแลผมในเดนเวอร์เริ่มหาทางเลือกในการรักษาทั่วประเทศ และสุดท้ายก็แจ้งกับผมว่า "เราทำดีที่สุดแล้วและไม่อยากเสี่ยงอีก เราจะส่งคุณไปให้แพทย์ที่เก่งที่สุดในประเทศ" และพวกเขาก็ส่งผมมาให้นายแพทย์นาตาเล" คุณไวส์แมนกล่าว นายแพทย์นาตาเล กล่าวว่า "โดยทั่วไปผู้ป่วยภาวะ A Fib จะมีอายุ 50 ปลายๆ หรือ 60 ต้นๆ แต่ไรอันเป็นกรณีพิเศษอย่างชัดเจน โดยโรคนี้สามารถส่งต่อทางพันธุกรรมได้เช่นกัน เมื่อหัวใจห้องบนไม่บีบตัว ความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจวายก็เพิ่มสูงขึ้น" A Fib เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบได้บ่อยที่สุด และกำลังส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันหลายล้านคน ภาวะ A Fib จะทำให้เลือดคั่งและแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดในรยางค์หัวใจห้องบนซ้าย และถ้าหากลิ่มเลือดหลุดออกมาก็อาจไหลไปยังสมองและทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้" ราว 20% ของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมดเกิดขึ้นในผู้ป่วย A Fib นอกจากนี้ โรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วย A Fib มักมีอันตรายถึงชีวิตและเสี่ยงต่อการพิการมากกว่า วิธีการรักษาโดยทั่วไปเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วย A Fib คือการใช้ยาละลายลิ่มเลือด (Warfarin) ซึ่งแม้ว่าจะได้ผล แต่ผู้ป่วยบางรายก็ไม่อาจทนต่อยาได้ในระยะยาว และยังเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากอาการเลือดออกด้วย ด้วยเหตุนี้ คณะแพทย์จึงได้ตัดสินใจที่จะปิดรยางค์หัวใจห้องบนซ้าย โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า WATCHMAN Left Atrial Appendage Closure (LAAC) Device การฝังอุปกรณ์ WATCHMAN แบบถาวรจะช่วยปิดรยางค์หัวใจห้องบนซ้ายเพื่อไม่ให้ลิ่มเลือดที่เป็นอันตรายหลุดเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยอาจสามารถหยุดใช้ยาละลายลิ่มเลือดได้ นายแพทย์นาตาเลอธิบายการทำงานของ WATCHMAN ว่า "ให้นึกถึงร่มที่ถูกกางออกจนปิดรยางค์หัวใจห้องบนซ้าย" คุณไวส์แมนกล่าวว่า "ผมมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองลดลงและไม่ต้องใช้ยาละลายลิ่มเลือดอีกต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ผมสามารถกลับไปวิ่งได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องล้ม และไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาโดนหน้าอก ผมเคยเล่นมุกกับเพื่อนว่า "กินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ห้ามโดนหน้าอก ตายได้เลยนะ" มันอาจฟังดูตลก แต่ผมก็มีสิทธิตายจริงๆ ถ้าผมตกบันไดก็อาจไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย" นายแพทย์นาตาเลกล่าวว่า "คนไข้ทุกรายต่างต้องการหายจากโรค แต่ในกรณีของไรอันเรื่องนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเขามีลูกเล็กๆที่ต้องดูแลและยังต้องหาเลี้ยงครอบครัว ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง" ปัจจุบัน ไรอัน ไวส์แมน วัย 32 ปี สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ "ตอนนี้ผมรู้สึกดีมาก แต่ก่อนตอนที่มีภาวะ A Fib หัวใจทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกสบายดี ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมมาก" อุปกรณ์ WATCHMAN ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐในเดือนมีนาคม 2558 ทั้งนี้ สถาบัน TCAI ทำการทดลองทางคลินิกเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของอุปกรณ์นี้ในสหรัฐมานานเกือบทศวรรษแล้ว และถือเป็นสถาบันแห่งแรกในเท็กซัสที่ทำการฝังอุปกรณ์ WATCHMAN ให้กับผู้ป่วยภาวะ A Fib แบบ non-valvular ในปี 2558 สื่อมวลชนติดต่อ: Erin Ochoa Elizabeth Christian Public Relations 512-472-9599
แท็ก สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ