เชลล์ จับมือ แอร์โฟลว์ ทรัค คอมพานี เปิดตัว “Starship” สุดยอดรถบรรทุกประหยัดเชื้อเพลิง

ข่าวต่างประเทศ Friday April 20, 2018 17:00 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

โซโนมา, แคลิฟอร์เนีย--20 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ มุ่งยกระดับการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าทั่วโลก บริษัท เชลล์ ลูบริแคนท์ส (Shell Lubricants) และแอร์โฟลว์ ทรัค คอมพานี (AirFlow Truck Company) ร่วมกันเปิดตัว "Starship" สุดยอดรถบรรทุกประหยัดเชื้อเพลิงแห่งอนาคต ซึ่งได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อแสดงถึงความเป็นไปได้ของการลดใช้พลังงานในการขนส่งสินค้า โดยมีการนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาช่วยลดอัตราการใช้พลังงานในการขนส่งสินค้าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง รถบรรทุกคันนี้กำลังจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมฟรีในงาน Shell Make the Future California ที่ Sonoma Raceway ( www.shell.us/makethefuturecalifornia ) โรเบิร์ต เมนวอริ่ง ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีเพื่อนวัตกรรม บริษัท เชลล์ ลูบริแคนท์ส กล่าวว่า "เราพยายามริเริ่มโครงการใหม่ๆ อย่างเช่นโครงการ Starship เพื่อคงความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและการประหยัดพลังงาน การทำงานร่วมกับแอร์โฟลว์ ทรัค คอมพานี และซัพพลายเออร์รายอื่นๆ เปิดโอกาสให้เราได้ร่วมมือกับบริษัทด้านนวัตกรรม เพื่อแสวงหาความเป็นไปได้ในการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การขนส่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของการใช้พลังงานทั้งหมดทั่วโลก และคิดเป็น 1 ใน 5 ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการใช้พลังงานทั่วโลก โดย 72% มาจากการขนส่งทางบกซึ่งรถบรรทุกเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้น การเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการประหยัดเชื้อเพลิงในภาคการขนส่งเชิงพาณิชย์ อาจสร้างความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการลดการปล่อยมลพิษ" เนื่องจากทั่วโลกมีการกำหนดข้อบังคับใหม่ๆว่าด้วยการประหยัดเชื้อเพลิง ขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการประหยัดเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง เชลล์ ลูบริแคนท์ส จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้วิธีการแบบองค์รวมในการพัฒนา อย่างไรก็ดี การยกระดับการประหยัดเชื้อเพลิงของรถบรรทุกสำหรับงานหนักมีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากขนาดและโครงสร้างของหัวลากและส่วนบรรทุกพ่วง นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าใดนักตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา คุณเมนวอริ่งกล่าวเสริมว่า "เชลล์เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความสัมพันธ์ที่เน้นความร่วมมือทั้งในด้านการดำเนินงานและด้านวิศวกรรม มีความสำคัญต่อการลดการปล่อยมลพิษและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง เราจึงพัฒนาความสัมพันธ์ดังกล่าวกับบรรดาบริษัท OEM ชั้นนำทั่วโลก ซึ่งความสัมพันธ์กับแอร์โฟลว์ ทรัค คอมพานี และซัพพลายเออร์รายอื่นๆในโครงการ Starship ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความร่วมมือที่นำโดยเชลล์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิศวกรรม ส่งผลให้เกิดการพัฒนารถบรรทุกที่จะมาท้าทายนิยามเดิมของประสิทธิภาพการขนส่งด้วยรถบรรทุก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราได้พัฒนารถยนต์ต้นแบบเพื่อแสดงให้เห็นว่า รถที่มีน้ำหนักเบา เพรียวลม และมีประสิทธิภาพการหล่อลื่นสูง มีความสำคัญอย่างไรต่อการเดินทางส่วนบุคคล และ Starship ก็คือรถต้นแบบในลักษณะเดียวกันสำหรับการขนส่งสินค้า" เชลล์ให้คำปรึกษาทางเทคนิคเกี่ยวกับเครื่องยนต์และส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อน รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถบรรทุก Starship โดยรถบรรทุกคันนี้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้รุ่นใหม่ของเชลล์ ที่มีความหนืดต่ำและเหมาะสำหรับรถที่ใช้งานหนัก น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ที่ทำจากน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ 100% และสารเพิ่มคุณภาพมาตรฐานสูง จะช่วยป้องกันการสึกหรอ การตกตะกอน และการแตกตัว นอกจากนี้ ลักษณะของน้ำมันที่มีความหนืดต่ำยังทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันเครื่อง SAE 15W-40 แบบธรรมดา เทคโนโลยีน้ำมันหล่อลื่นตัวนี้มีระดับความหนืดเทียบเท่ากับน้ำมันเครื่อง Shell Rimula Ultra E+ และกำลังได้รับการทดสอบโดยบรรดาบริษัท OEM ทั่วโลก คริส เกร์เรโร ผู้จัดการฝ่ายตราสินค้าสากล ธุรกิจเฮฟวี่ ดิวตี้ ลูบริแคนท์ส ของเชลล์ กล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถที่ใช้งานหนัก ความรับผิดชอบของเราต่ออุตสาหกรรมจึงมีมากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพียงอย่าวเดียว ด้วยเหตุนี้ ผมจึงภูมิใจมากที่ได้ร่วมงานกับแอร์โฟลว์ ทรัค คอมพานี ซึ่งเปิดโอกาสให้เราได้แสวงหาวิธีการใหม่ๆในการประหยัดเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่ง ในอนาคต เราต้องพึ่งพาโซลูชั่นที่จะช่วยรับมือกับความท้าทายด้านพลังงานทั่วโลก อย่างเช่น Starship ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งกับลูกค้าของเรา ผู้ขับขี่ และผู้คนทั่วโลกในอีกหลายปีข้างหน้า" เชลล์และแอร์โฟลว์ได้แก้ไขปรับปรุงรถบรรทุก Starship อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงาน Shell Make the Future ที่เมืองโซโนมา และในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ทั้งสองบริษัทจะแสดงสมรรถนะของ Starship ให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยการขับขี่จากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออกของสหรัฐ เริ่มจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปสิ้นสุดที่รัฐฟลอริดา โดยจะบรรทุกสินค้าน้ำหนักสูงสุดเท่าที่ได้รับการอนุญาต ด้วยน้ำหนักรวม 80,000 ปอนด์ หรือ 36,287 กิโลกรัม ตลอดการเดินทางจะมีการวัดประสิทธิภาพการบรรทุกและอัตราการประหยัดเชื้อเพลิง และจะมีการเปิดเผยผลลัพธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบ เชลล์และแอร์โฟลว์มองว่าประสิทธิภาพการบรรทุกเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการขนส่งที่สำคัญที่สุด โดยแสดงถึงอัตราการใช้พลังงานในการขนส่งสินค้าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง การเพิ่มน้ำหนักบรรทุกสู่ระดับสูงสุดจะลดประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง แต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบรรทุกและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงการ Starship มีความสำคัญในระดับโลก เนื่องจากอุตสาหกรรมการขนส่งด้วยรถบรรทุกทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายในการเพิ่มอัตราการบรรทุกพร้อมกับลดอัตรการใช้เชื้อเพลิง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดต้นทุนการขนส่งและปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยการประหยัดเชื้อเพลิง รถบรรทุก Starship ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ Class 8 ที่ทันสมัย [1] ซึ่งสามารถรับมือกับปัญหาเครื่องยนต์อุณหภูมิสูง สึกหรอ และสึกกร่อน รวมถึงลดการเกิดตะกอน ช่วยให้ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยๆ และยืดอายุเครื่องยนต์ นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานอีกมากมายทั่วโลกที่เรานำมาใช้กับ Starship ซึ่งเจ้าของรถบรรทุกทั่วโลกสามารถนำโซลูชั่นเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทันที โครงการ Starship ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการรับมือกับความท้าทายด้านพลังงานทั่วโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการขนส่งด้วยรถบรรทุกโดยตรง รวมถึงสิ่งแวดล้อมโดยรวม สามารถติดตามความคืบหน้าของโครงการได้ที่ www.shell.com/starship ข้อมูลสำหรับบรรณาธิการ เทคโนโลยีของรถบรรทุก Starship - Starship ถูกจัดให้เป็นรถบรรทุก Class 8 โดยจำแนกตามค่าน้ำหนักของรถรวมน้ำหนักบรรทุก (GVWR) ซึ่งแบ่งเป็นระดับ 1-8 ตามหลักเกณฑ์ของ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมสหรัฐ - หัวลากของรถบรรทุก Starship ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ทั้งหมด ทั้งสเกิร์ตข้าง ฝากระโปรง และส่วนหน้าของรถ - รถบรรทุก Starship ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ 400 แรงม้า และมีแรงบิด 1,850 ฟุต-ปอนด์ หรือ 2,508 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์แบบมาตรฐานมีรอบต่ำสุด 800 รอบต่อนาที - กระจังหน้าแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (ตามอุณหภูมิ เพื่อความเพรียวลมและสมรรถนะสูงสุด) จะเปิดให้อากาศไหลผ่านหม้อน้ำเข้าไปยังห้องเครื่องเพื่อทำให้เย็นลง แต่ถ้าไม่จำเป็นตัวกระจังก็จะปิดเองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้อากาศไหลผ่านรอบตัวรถแทน ผลที่ได้คือแรงเสียดทานอากาศน้อยลง จึงประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น นอกจากนี้ กระจังที่ปิดอยู่ยังช่วยร่นเวลาอุ่นเครื่องในช่วงอากาศหนาวด้วย - ในอนาคต รถบรรทุก Starship จะมีระบบเพลาไฟฟ้าไฮบริด โดยมอเตอร์และเพลาไฟฟ้าจะมาแทนที่เพลาตามด้านหลัง ช่วยให้มีกำลังส่งเมื่อขึ้นทางชัน ซึ่งปกติจะผลาญเชื้อเพลิงอย่างมาก เพลานี้จะส่งกำลังจากตัวรถและป้อนเข้าสู่แบตเตอรี่เพื่อช่วยในการเร่งเครื่องและเบรก การลดความเร็วของเพลาด้วยระบบควบคุมเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดาที่มีการทำงานคล้ายเกียร์อัตโนมัติ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะและแรงดึงด้วย - แผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 5,000 วัตต์บนหลังคารถบรรทุก จะชาร์จและกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ขนาด 48 โวลต์ เพียงพอสำหรับอุปกรณ์ต่างๆบนรถบรรทุก เช่น ไฟ ที่ปัดน้ำฝน มอเตอร์เป่าลม เกจ แอร์ ฮีตเตอร์ ไมโครเวฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ความร่วมมือของเชลล์ - เชลล์เล็งเห็นถึงความจำเป็นของโซลูชั่นการขนส่งที่ยั่งยืน สะอาด และประหยัดพลังงานมากขึ้น จึงได้ร่วมมือและร่วมพัฒนาโครงการต่างๆหลายโครงการ โดยในปี 2559 เชลล์ได้จับมือกับ กอร์ดอน เมอร์เรย์ ดีไซน์ (Gordon Murray Design) และ จีโอ เทคโนโลยี (Geo Technology) เพื่อพัฒนา รถต้นแบบ ที่ประหยัดเชื้อเพลิงขั้นสูง โดยใช้พลังงานต้นกำเนิดน้อยกว่า 34% ตลอดอายุการใช้งาน เมื่อเทียบกับรถซิตี้คาร์ทั่วไป เกี่ยวกับ แอร์โฟลว์ ทรัค คอมพานี แอร์โฟลว์ ทรัค คอมพานี สร้างรถบรรทุก Class 8 ที่เพรียวลมและประหยัดเชื้อเพลิงมาแล้ว 2 คัน ครั้งแรกในปี 2526 และล่าสุดในปี 2555 โดยคันหลังมีชื่อว่า Bullet Truck ซึ่งสามารถวิ่งจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งของประเทศโดยบรรทุกน้ำหนักรวม 65,000 ปอนด์ (เกือบ 30,000 กิโลกรัม) โดยใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.4 ไมล์/แกลลอน หรือ 5.7 กิโลเมตร/ลิตร เกี่ยวกับ เชลล์ ลูบริแคนท์ส เชลล์ ลูบริแคนท์ส ผลิตและจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นหลากหลายชนิดให้แก่ลูกค้าใน 150 ประเทศ ทั้งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าธุรกิจ เราผลิตน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ รถบรรทุก เหมืองแร่ โรงไฟฟ้า โรงงาน ฯลฯ แบรนด์ของเราประกอบด้วย Pennzoil, Quaker State, Shell Helix, Shell Advance, Shell Rotella, Shell Rimula, Shell Tellus และ Shell Gadus ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งของเราทำให้เราสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้าทั่วโลก เรามีโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน 5 แห่ง โรงผสมและบรรจุน้ำมันหล่อลื่น 40 แห่ง และโรงผลิตจาระบี 10 แห่ง ทั้งหมดกระจายอยู่ใน 32 ประเทศทั่วโลก เทคโนโลยีน้ำมันหล่อลื่นของเชลล์สืบทอดมาตั้งแต่ 70 ปีที่แล้ว เรามีนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรกว่า 200 คนที่ปฎิบัติงานอยู่ในศูนย์เฉพาะทางด้านน้ำมันหล่อลื่นในจีน ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา เราถือครองสิทธิบัตรน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน น้ำมันหล่อลื่น และจาระบีรวมกันกว่า 150 ฉบับ และมีการทดสอบหลายล้านครั้งในแต่ละปี ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับบรรดาบริษัท OEM ช่วยให้เราสามารถผลิตน้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงได้อย่างต่อเนื่อง เราร่วมงานกับทีมชั้นนำในวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่าง Scuderia Ferrari, BMW Motorsport, Hyundai Motorsport และ Ducati Corse เพื่อทดสอบน้ำมันหล่อลื่นระดับรถแข่งและส่งต่อให้แก่ผู้บริโภคบนท้องถนนทั่วไป นอกจากนี้ เรายังมอบบริการทางเทคนิคที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า ได้แก่ Shell LubeMatch, Shell LubeAdvisor และ Shell LubeChat รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.shell.com *Kline & Company, "Global Lubricants Industry November 2016: Market Analysis and Assessment ข้อควรระวัง บริษัทต่างๆที่รอยัล ดัทช์ เชลล์ พีแอลซี เข้าลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นบริษัทที่มีอิสระจากกัน ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีการใช้คำว่า "เชลล์" "กลุ่มบริษัทเชลล์" และ "รอยัล ดัทช์ เชลล์" เพื่อความสะดวกในการกล่าวถึงบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ พีแอลซี และบริษัทในเครือโดยรวม เช่นเดียวกับการใช้คำว่า "เรา" และ "ของเรา" ในการกล่าวถึงบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ พีแอลซี และบริษัทในเครือโดยรวม หรือกล่าวถึงคนที่ทำงานกับบริษัท นอกจากนั้นยังมีการใช้คำเหล่านี้เมื่อไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงบริษัทหรือกลุ่มบริษัทใดอย่างเฉพาะเจาะจง สำหรับคำว่า "บริษัทในเครือ" "บริษัทในเครือเชลล์" และ "กลุ่มบริษัทเชลล์" ที่ใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ หมายถึงบริษัทที่รอยัล ดัทช์ เชลล์ พีแอลซี มีอำนาจควบคุมทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนบริษัทและกิจการที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งเชลล์มีส่วนร่วมในการควบคุม เรียกโดยรวมว่า "บริษัทร่วมทุน" และ "กิจการร่วมดำเนินงาน" ตามลำดับ สำหรับบริษัทที่เชลล์มีอิทธิพลอย่างมากแต่ไม่ได้ควบคุมหรือร่วมควบคุมเรียกรวมว่า "บริษัทร่วม" ส่วนคำว่า "หุ้นของเชลล์" ใช้เพื่อความสะดวกในการกล่าวถึงหุ้นที่เชลล์ถือครองอยู่ในบริษัทหรือกิจการที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ทั้งทางตรงและ/หรือทางอ้อม หลังหักลบหุ้นของบุคคลที่สามหมดแล้ว ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีข้อความคาดการณ์อนาคต (ภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 ของสหรัฐ) เกี่ยวกับสภาพการเงิน ผลการดำเนินงาน และธุรกิจต่างๆของรอยัล ดัทช์ เชลล์ ข้อความใดก็ตามที่ไม่ใช่ความจริงที่ผ่านมาในอดีต ถือเป็นข้อความคาดการณ์อนาคต ซึ่งเป็นการคาดหมายเหตุการณ์ในอนาคตโดยอิงจากการคาดการณ์และการคาดคะเนในปัจจุบันของผู้บริหาร ซึ่งมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทั้งที่ทราบและไม่ทราบ ที่อาจทำให้ผลลัพธ์ ผลการดำเนินงาน หรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจริง มีความแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ ข้อความคาดการณ์อนาคตประกอบด้วยข้อความต่างๆ อาทิ ข้อความที่เกี่ยวข้องกับโอกาสที่รอยัล ดัทช์ เชลล์ จะเผชิญความเสี่ยงต่างๆในตลาด รวมถึงข้อความที่แสดงถึงการคาดการณ์ ความเชื่อ การคาดคะเน การคาดหมาย การประมาณการ และการสันนิษฐานของผู้บริหาร เป็นต้น ข้อความคาดการณ์อนาคตเหล่านี้จะมีคำบ่งชี้มากมาย เช่นคำว่า ตั้งเป้า มุ่งหมาย คาดการณ์ เชื่อ น่าจะ ประมาณการ คาดว่า เป้าหมาย ตั้งใจ อาจจะ มีจุดมุ่งหมาย มีแนวโน้ม มีแผน มีความเป็นไปได้ เสนอ ความเสี่ยง กำหนดการ แสวงหา ควรจะ พุ่งเป้า จะ รวมถึงคำอื่นๆที่มีความหมายในทำนองเดียวกัน มีปัจจัยมากมายที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของรอยัล ดัทช์ เชลล์ และอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ อาทิ (a) ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ (b) ความเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ผลิตภัณฑ์เชลล์ (c) ความผันผวนของค่าเงิน (d) ผลของการขุดเจาะและการผลิต (e) ปริมาณน้ำมันสำรองโดยประมาณ (f) การสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดและการแข่งขันในอุตสาหกรรม (g) ความเสี่ยงทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม (h) ความเสี่ยงเกี่ยวกับการแสวงหาแหล่งพลังงานที่เหมาะแก่การเข้าครอบครอง รวมถึงความเสี่ยงต่อความสำเร็จในการเจรจาและบรรลุการทำธุรกรรมดังกล่าว (i) ความเสี่ยงในการทำธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่ถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ (j) การเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย นโยบายการเงิน และข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งรวมถึงการออกมาตรการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (k) สภาพตลาดการเงินและเศรษฐกิจในหลายประเทศและภูมิภาค (l) ความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งรวมถึงการเพิกถอนเงื่อนไขของสัญญาและการเจรจาใหม่กับหน่วยงานภาครัฐ การเลื่อนหรือความคืบหน้าในการอนุมัติโครงการต่างๆ และการเลื่อนใช้คืนต้นทุนที่เกิดร่วมกัน และ (m) การเปลี่ยนแปลงของสภาพการซื้อขาย เป็นต้น นอกจากนั้นยังไม่อาจรับประกันได้ว่า เงินปันผลในอนาคตจะเท่ากับหรือสูงกว่าเงินปันผลในอดีต ข้อความคาดการณ์อนาคตทั้งหมดที่กล่าวถึงในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้จะมีความสมบูรณ์เมื่ออิงกับคำเตือนที่อยู่ในหรืออ้างถึงในส่วนนี้ ผู้อ่านไม่ควรยึดถือข้อความคาดการณ์อนาคตเหล่านี้มากเกินไป สำหรับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในอนาคตระบุอยู่ในรายงานประจำปี 20-F ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ของรอยัล ดัทช์ เชลล์ (ดูได้ที่ www.shell.com/investor และ www.sec.gov ) ซึ่งผู้อ่านควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เช่นกัน ข้อความคาดการณ์อนาคตทั้งหมดกล่าว ณ วันที่ 19 เมษายน 2561 รอยัล ดัทช์ เชลล์ และบริษัทในเครือไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงข้อความคาดการณ์อนาคต แม้ว่าจะมีข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรือข้อมูลเพิ่มเติมใดๆก็ตาม ด้วยปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากที่กล่าวถึง กล่าวเป็นนัย หรืออนุมานในข้อความคาดการณ์อนาคตในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ คำบางคำที่เราใช้ในข่าวนี้ อาทิ ทรัพยากร เป็นคำที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ห้ามมิให้เราบันทึกลงในเอกสารที่เรายื่นให้กับ SEC นักลงทุนในสหรัฐควรพิจารณาข้อมูลในเอกสาร Form 20-F, File No 1-32575 ของเราอย่างละเอียด โดยสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.sec.gov อ้างอิง [1] รถบรรทุก Class 8 คือรถบรรทุกสำหรับงานหนัก ตามการจำแนกของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมสหรัฐ รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/679678/Shell_Starship.jpg โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/449079/shell_oil_company_logo.jpg

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ