การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เป็น NPL และยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday August 2, 2000 13:58 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                                            26  กรกฎาคม  2543
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม
ที่ ธปท.สกง.(12) ว. 1669/2543 เรื่อง การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เป็น NPL และยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือที่ ธปท.สกง.(12) ว.1039/2543 ลงวันที่ 24 เมษายน 2543 แจ้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรการสนับสนุน SMEs ที่เป็น NPL นั้น เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินได้สอบถามรายละเอียดในหนังสือเวียนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงขอชี้แจงรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. เป็น SMEs ที่เป็น NPL แต่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเข้าโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และได้ลงนามในสัญญาการ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว
2. เป็น SMEs ที่มีขนาดสินทรัพย์ถาวรสุทธิไม่เกิน 200 ล้านบาท
3. เป็น SMEs ที่ได้รับสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินเป็นเงินทุนหมุนเวียนในวงเงิน ไม่เกินรายละ 20 ล้านบาทสำหรับ SMEs ทุกประเภท โดยสถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยจาก SMEs ไม่เกินอัตรา MLR ในกรณีที่ใช้สินเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทย
4. สินเชื่อใหม่ที่สถาบันการเงินให้แก่ SMEs จะต้องได้รับการค้ำประกันจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในอัตราร้อยละ 75 และสถาบันการเงินเจ้าหนี้จะรับความเสี่ยงในอัตราร้อยละ 25 โดย บสย.จะคิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อจาก SMEs ในอัตราร้อยละ 1.75 ต่อปี ของวงเงินค้ำประกัน
5. ในกรณีที่สถาบันการเงินประสงค์จะขอสินเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทยตามหนังสือนี้จะต้องยื่นคำขออนุมัตินำตั๋วสัญญาใช้เงินของ SMEs แต่ละรายไปขายกับธนาคารแห่งประเทศไทยตามแบบฟอร์มที่แนบภายในวันที่ 7 เมษายน 2545 โดยตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับที่ SMEs ออกไปขายกับธนาคารแห่งประเทศไทยผ่านสถาบันการเงินจะต้องมีอายุไม่เกิน 120 วันสำหรับ SMEs ประเภทกิจการการผลิต และไม่เกิน 60 วันสำหรับ SMEs ประเภทกิจการให้บริการ กิจการค้าปลีก และกิจการค้าส่ง
อย่างไรก็ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจะต้องถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ 7 เมษายน 2545
6. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวผ่านสถาบันการเงินในอัตราไม่เกินร้อยละ 60 ของจำนวนเงินในหน้าตั๋วฯ และคิดดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินในอัตรา ร้อยละ 3 ต่อปี สำหรับจำนวนเงินที่รับซื้อ และให้สถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยจาก SMEs ได้ไม่เกินอัตรา MLR สำหรับจำนวนเงินตามหน้าตั๋วสัญญาใช้เงิน
7. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้สินเชื่อแก่ SMEs แต่ละรายผ่านสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
สำหรับหลักเกณฑ์อื่นๆ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการ รับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ที่ไม่ขัดกับข้อ 1. ถึง ข้อ 7. ในหนังสือนี้โดยอนุโลม และให้ใช้แบบหนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงิน หนังสือแสดงความยินยอม และหนังสือขอชำระหนี้ ที่แนบท้ายหนังสือนี้แทนแบบที่แนบท้ายระเบียบดังกล่าว
อนึ่ง สำหรับ SMEs รายที่ได้รับความอนุเคราะห์ตามระเบียบดังกล่าวอยู่แล้ว หากสถาบันการเงินประสงค์จะขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามหนังสือนี้ต้องดำเนินการให้มีการขอยกเลิกการขอรับความอนุเคราะห์ตามระเบียบดังกล่าวก่อน
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงในหนังสือนี้เป็นต้นไป
ขอแสดงความนับถือ
เชษฐทวี เจริญพิทักษ์
(นายเชษฐทวี เจริญพิทักษ์)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย : 1. แบบหนังสือขออนุมัติให้ผู้ประกอบวิสาหกิจที่เป็น NPL เป็นผู้ที่พึงเชื่อถือได้
2. แบบหนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงิน
3. แบบหนังสือแสดงความยินยอม
4. แบบหนังสือขอชำระหนี้
ส่วนสินเชื่อฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง โทร. 2822414, 2835426
หมายเหตุ : ไม่มีการ ประชุมชี้แจง
-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ