ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร จำนวน 3 ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้)

ข่าวการเมือง Tuesday September 27, 2016 16:58 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ จำนวน 3 ฉบับ มีดังนี้

1. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการในท้องที่ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในท้องที่ สามารถหักรายจ่ายการลงทุนหรือการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้น ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตสินค้าหรือการขายสินค้าหรือการให้บริการในท้องที่ดังกล่าว แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม ได้เป็นจำนวน 2 เท่า

2. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) ในท้องที่ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในท้องที่เป็นระยะเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชี

3. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรผู้มีความสามารถสูงนอกท้องที่ไปทำงานในท้องที่และส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกท้องที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่ มีสาระสำคัญเป็นการ

3.1 กำหนดให้บุคคลผู้มีคุณสมบัติตามที่ประกาศกำหนดมีสิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในท้องที่ในอัตราร้อยละ 3 ของเงินได้โดยไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้พึงประเมินอื่น ๆ ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ

3.2 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งไม่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในท้องที่ สามารถหักรายจ่ายเงินลงทุนในหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นในท้องที่เป็นจำนวน 2 เท่า ในลักษณะการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายจริง หากเป็นการลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วน ซึ่งเป็การเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น หรือเป็นการลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในท้องที่

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 กันยายน 2559--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ