การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสภารัฐมนตรีแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต

ข่าวการเมือง Tuesday November 21, 2017 17:16 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสภารัฐมนตรีแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสภารัฐมนตรีแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือทางทูตหรือราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษและหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้ กต. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง

2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ

3. อนุมัติให้ กต. ทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในกรณีที่ผู้ลงนามเป็นผู้ได้รับมอบหมายตามข้อ 2สาระสำคัญร่างความตกลงฯ ประกอบด้วย

1. ผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์

(1) บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษในแต่ละรัฐคู่ภาคีได้รับยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า ออก แวะผ่าน และพำนักในดินแดนของรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน ตั้งแต่วันที่เดินทางเข้า

(2) บุคคลที่เป็นสมาชิกในคณะผู้แทนทางการทูต สถานทำการทางกงสุล หรือตัวแทนประจำองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งรวมถึงสมาชิกในครอบครัวของบุคคลดังกล่าวที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับสามารถเดินทางเข้า พำนัก และออกจากดินแดนของรัฐภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน และจะได้รับการขยายออกไปจนสิ้นสุดวาระการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลดังกล่าวตามคำขอของ กต. หรือสถานเอกอัครราชทูตที่มีเขตอาณาครอบคลุมรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง

2. เงื่อนไข ต้องไม่ทำงานใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเอง หรือกิจกรรมส่วนตัวอื่นในดินแดนของคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง รัฐคู่ภาคีแต่ละฝ่ายมีสิทธิที่จะปฏิเสธการเข้าเมืองหรือลดระยะเวลาการพำนักหากบุคคลนั้นได้รับการพิจารณาว่า เป็นบุคคลที่ไม่พึงปราถนา รวมถึงมีสิทธิที่ระงับหรือยกเลิกการระงับการใช้บังคับความตกลงฯ เฉพาะส่วนหรือทั้งหมดเป็นการชั่วคราวได้ ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงแห่งชาติ ความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ หรือการสาธารณสุข กรณีทำหนังสือเดินทางหายในดินแดนของรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ให้บุคคลนั้นแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐคู่ภาคีเพื่อการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และคณะผู้แทนทางการทูตหรือสถานทำการกงสุลที่เกี่ยวข้องจะออกหนังสือเดินทางใหม่ให้ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบ รัฐคู่ภาคีจะแลกเปลี่ยนตัวอย่างหนังสือเดินทาง รวมทั้งรายละเอียดของหนังสือเดินทางผ่านช่องทางการทูตภายใน 30 วัน หลักจากการลงนามความตกลงนี้ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากการนำไปใช้แล้ว ให้แจ้งรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบพร้อมกับส่งตัวอย่างหนังสือเดินทาง อย่างน้อย 30 วัน ก่อนการนำมาใช้อย่างเป็นทางการ

3. การบังคับใช้ ความตกลงฯ จะเริ่มมีผลใช้บังคับ 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้ายผ่านช่องทางการทูต เพื่อยืนยันว่าคู่ภาคีทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการตามกระบวนกฎหมายภายในที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับเสร็จสิ้นแล้ว จะสิ้นสุดการมีผลใช้บังคับ 90 วัน นับจากวันที่รัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งได้รับแจ้งการยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูต

4. การระงับข้อพิพาท ดำเนินการด้วยการปรึกษาหารือหรือการเจรจาระหว่างคู่ภาคีทั้งสองฝ่าย

5. การแก้ไข/เพิ่มเติม กรณีที่คู่ภาคีตกลงกันจะให้มีผลใช้บังคับนั้น ต้องผ่านความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากทั้งสองฝ่าย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 พฤศจิกายน 2560--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ