รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้า ภูมิภาคอาเซียน ประเทศสิงคโปร์ (1-31 พฤษภาคม 2554)

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 20, 2011 11:17 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภาวะการค้าระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2554

1. สิงคโปร์เพิ่มการคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจ ปี 2554 เป็นร้อยละ 5-7 สืบเนื่องจากอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 เป็นร้อยละ 8.3 ทำให้ Ministry of Trade and Industry (MTI) ประกาศเพิ่มอัตราการคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 2554 เป็น ร้อยละ 5-7 (เดิมคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4-6) นับเป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจปี 2554 ขยายตัวเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับที่ลดลงจากในปี 2553 ที่ขยายตัวร้อยละ 14.5 ก็ตาม MTI คาดว่า การเติบโตเศรษฐกิจปี 2554 จะนำโดยกลุ่มสินค้า Pharmaceutical และ Financial Services ทั้งนี้ การเพิ่มอัตราการเติบโตของ MTI ทำให้ภาคเอกชนคาดการณ์ เพิ่มขึ้นด้วย อาทิ

United Oversea Bank เพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 5.7

Barclays Capital เพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 6

DBS and Citigroup เพิ่มจากร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 7

Bank of America-Merrill Lynch เพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 5.3

สำหรับการเติบโตเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 มาจากภาคสำคัญๆ คือ (1) ภาคอุตสาห- กรรมการผลิตขยายตัวร้อยละ 13.1 โดยการเพิ่มในส่วนของการผลิตสินค้ายารักษาโรค (2) การบริการ ด้านการเงินขยายตัวร้อยละ 11.3 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการบริการด้านการเงินภายในประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนในตลาดการเงินทั่วโลก (3) การส่งออกสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ (ยกเว้นน้ำมัน) ขยายตัวร้อยละ 12

อนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า การเติบโตเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับพอสมควรในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากวิกฤตภัยธรรมชาติและความเสียหายของโรงงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น รวมถึงราคาน้ำมันที่แปรปรวนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง การเติบโตเศรษฐกิจจะกลับฟื้นคืนตัวขึ้น

สำหรับการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐฯและประเทศในภูมิภาคยุโรป ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จะมีเติบโตในระดับพอสมควร ส่วนภูมิภาคเอเชียจะมีเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้เศรษฐกิจสิงคโปร์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2554 คือภาคอุตสาหกรรมการผลิต (โดยเฉพาะเคมีภัณฑ์ และ Biomedical Sciences) และการบริการด้านการเงิน (การให้กู้ยืมเงิน และกิจกรรมประกันภัย) นอกจากนี้ นักลงทุนยังหันนำเงินเข้าไปลงทุนในเอเชียเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม MTI ให้คำนึงถึงปัจจัยเสี่ยง อาทิ ราคาน้ำมันที่แปรปรวนในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ วิกฤตหนี้สินในยุโรป และวิกฤตภัยธรรมชาติในญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์และโลกมีอัตราเพิ่มขึ้นในระดับที่ลดลง และจะส่งผลต่อเนื่องทำให้อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์สูงขึ้นซึ่ง Monetary Authority of Singapore (MAS) คาดว่า ในปี 2554 จะมีอัตรา ร้อยละ 3-4 จากเหตุผลของค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของที่พักอาศัย การคมนาคมอาหาร และราคาน้ำมัน รวมถึงผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2554 ปรากฎว่า ฝ่ายรัฐบาลได้รับคะแนนเสียงเพียงร้อยละ 60.14 อีกทั้งสภาวะแรงงานที่ภาครัฐเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการอนุญาตจ้างคนงานต่างชาติในปัจจุบัน จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในประเทศสิงคโปร์มีระดับลดลง

ตารางแสดงอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ ช่วงไตรมาสแรกปี 2554
               Sectors                 Year-on-Year Change (%)
Goods-producing Industries
    Manufacturing                               13.1
    Construction                                 2.4
Services Industries
    Other Services                              14.5
    Financial Services                          11.3
    Hotels and                                    7
Restaurants
    Transport and Storage                        4.9
    Wholesale and Retail                         4.5
    Business Services                            4.3
    Information and Communication                2.9
Overall GDP growth                               8.3

2. อัตราค่าเช่าสำนักงานในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 ในไตรมาสแรก ปี 2554 (เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2553) จากรายงานของ The Jones Lang LaSalle (JLL) เรื่อง Office Index สืบเนื่องจากการขาดแคลนพื้นที่สำนักงานในสิงคโปร์ปี 2553 จึงส่งผลให้การขยายตัวในไตรมาสแรก ปี 2554 เป็นไปอย่างรวดเร็ว สิงคโปร์นับเป็นตลาดที่ขยายตัวเป็นอันดับที่ 3 ของตลาด 26 ประเทศในเอเซียแปซิฟิค ซึ่งในภาพรวม อัตราค่าเช่าสำนักงาน(ไตรมาส)โดยเฉลี่ยขยายตัวร้อยละ 2.5 โดยค่าเช่าสำนักงานในจาการ์ตา เพิ่มสูงมากถึงร้อยละ 9.5 ทั้งนี้ JLL คาดว่า ความต้องการจะมีตลอดปี 2554 และมีสำนักงานสร้างเสร็จใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาค่าเช่าลดลงได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าของสถานที่ในภูมิภาคมีความหวังว่า ค่าเช่าสถานที่จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ภายในปีนี้ ซึ่งตลาดที่มีความต้องการมากแต่มีพื้นที่น้อย ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง และเมืองสำคัญๆในประเทศจีน

3. สิงคโปร์กับเยอรมันตะวันออกสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยได้วางแผนการสร้างสนามบินแห่งใหม่ในเบอร์ลิน ซึ่งจะเปิดทำการในปี 2555 สนามบินแห่งนี้ จะเป็นสนามบินใหญ่อันดับที่ 3 ของเยอรมัน มีเครือข่ายเชื่อมต่อไปยังเมืองสำคัญๆในภูมิภาคต่างๆ ให้บริการ 700 เที่ยวบินต่อวัน คาดว่า สามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารประมาณ 27 ล้านคน/ปี และในอนาคตจะเพิ่มเป็น 45 ล้านคน/ปี นอกจากนี้ การสร้างสนามบินยังเป็นปัจจัยที่สามารถเชิญชวนนักธุรกิจต่างชาติให้เข้าไปลงทุนในเยอรมัน โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออก ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของเยอรมันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบริษัทดำเนินธุรกิจในเยอรมันประมาณ 100 ราย อนึ่ง เยอรมันตะวันออกได้สร้างให้ประเทศเป็นที่น่าสนใจในการทำธุรกิจ โดยมีอุตสาหกรรมสำคัญๆ ได้แก่ Renewable Energy, Auto Manufacturer และ Semi-conductors รวมทั้งมีการค้นคว้าและพัฒนาความสามารถในการผลิต และค่าเช่าสำนักงานมีราคาถูกประมาณ 2.50 เหรียญสิงคโปร์/ตารางฟุต

4. ผู้บริโภคในสิงคโปร์หันไปนิยมบริโภคเนื้อสัตว์แช่แข็ง (เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ/แพะ และเนื้อหมู) เหตุผลสำคัญ 3 ประการคือ (1) ราคาเนื้อแช่แข็งถูกกว่าเนื้อสดแช่เย็นร้อยละ 20 (2) ความสะดวกและเทคโนโลยีในการแช่แข็งให้คุณภาพสินค้าดี ไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างเนื้อสดและแช่แข็ง (3) ชาวสิงคโปร์ที่มีเวลาส่วนตัวน้อยลง มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สถิติจาก Agri-Food and Veterinary Authority (AVA) ปรากฎว่า การนำเข้าเนื้อวัวแช่แข็ง เพิ่มจากปริมาณ 16,600 ตันในปี 2548 เป็นปริมาณ 27,600 ตัน ในปี 2553 เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 70 สำหรับการนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 59 และเนื้อแพะและเนื้อไก่แช่แข็ง เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15 ซึ่งปัจจัยประการหนึ่งที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นคือ AVA จัดโปรแกรม Road Show ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับเนื้อสัตว์แช่แข็ง ตั้งแต่ปี 2551 โดยการแนะนำให้ผู้บริโภครู้จักการเลือกซื้อ การเก็บรักษา และการปรุงอาหาร อีกทั้งให้ทราบว่า การบริโภคเนื้อสัตว์แช่แข็งจะเป็นการช่วยให้สินค้าอาหารไม่เพิ่มสูงขึ้น อนึ่ง ความต้องการสินค้าฯที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตมีอัตราสูงขึ้น ได้แก่ ที่ FairPrice ความต้องการสูงขึ้นร้อยละ 10 โดยเฉพาะเนื้อหมูแช่แข็ง (นำเข้าจากบราซิลและแคนาดา และในอนาคตจะนำเข้าจากอาเจ็นตินา) สำหรับราคาขายปลีกเนื้อหมูแช่เย็น ราคา 12.50 ต่อ กก. เปรียบเทียบกับแช่แข็งราคา 8.80 เหรียญสิงคโปร์ ปีกไก่แช่เย็นราคา 17 เหรียญสิงคโปร์ ต่อ 2 กก. เทียบกับแช่แข็งราคา 8.40 เหรียญสิงคโปร์

5. การเจริญเติบโตการค้าของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2554 เนื่องจากพื้นฐานการเติบโตในปี 2553 มีอัตราสูง ทำให้การเติบโตช่วงไตรมาสแรก ปี 2554 เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า) โดย (1) การค้ารวมขยายตัวร้อยละ 12 มูลค่า 235 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (การส่งออกและการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และ 10 ตามลำดับ) (2) การค้าน้ำมันขยายตัวร้อยละ 30 และการค้าสินค้าทั่วไปขยายตัวร้อยละ 5.8 (3) Non-Oil Domestic Export (NODX) ขยายตัวร้อยละ 12 ซึ่งตลาดส่งออก NODX เพิ่มขึ้นไปยัง EU จีน และสหรัฐฯ ยกเว้น ฮ่องกง อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และไทย (4) การส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ที่ผลิตในประเทศลดลงร้อยละ 7.2 เนื่องจากส่งออกลดลงของสินค้า Part of ICs (-42%) Disk Drives (-53%) และ Parts of PCs (-12%) (5) การส่งออกสินค้าอื่นๆ (ยกเว้นอิเล็กทรอนิกส์) เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากการส่งออกเพิ่มขึ้นของสินค้า Ships & Boats (1,436%) Specialised Machinery (+85%) และ Petrochemical (+24%) (6) Non-Oil Re-Exports (NORX) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ซึ่ง Electronic NORX เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากการ ส่งออกสินค้า ICs (+8.7%) Telecommunications Equipment (+18%) และ Consumer Electronics (+6.8%) ส่วน Non-Electronic NORX เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 จากากรส่งออกสินค้า Petrochemicals (+62%) Specialised Machinery (+48%) และ Electrical Circuit Apparatus (+24%) (7) NORX เพิ่มขึ้นไปยัง ฮ่องกง อินโดนีเซีย และ EU ยกเว้น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า การค้ารวมและ NODX ของสิงคโปร์ ปี 2554 จะขยายตัวร้อยละ 8.0 และ 10.0 ตามลำดับ

6. Department of Statistics สิงคโปร์ สำรวจการคาดการณ์ธุรกิจช่วงเดือนเมษายน-กันยายน 2554 (เทียบกับช่วงเดือนตุลาคม 2553-มีนาคม 2554) โดยบริษัทในกลุ่มธุรกิจต่างๆให้ความหวังเกี่ยวกับการเพิ่ม/ลดของกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ (1) การค้าส่ง ซึ่งร้อยละ 20 คาดว่าจะขยายตัวขึ้น (2) การค้าปลีก (-24%) (3) การคมนาคมและคลังสินค้า (+5%) (4) ที่พักอาศัย (+56%) (5) อาหารและเครื่องดื่ม (+10%) (6) การเงินและการประกันภัย (+38%) (7) อสังหาริมทรัพย์ (+2%) (8) การบริการธุรกิจ (+14%) และ (9) สันทนาการ (+22%) ทั้งนี้ การคาดการสำหรับช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2554 ดังนี้ (1) การค้าส่ง ซึ่งร้อยละ 20 คาดว่าจะขยายตัวขึ้น (2) การค้าปลีก (-11%) (3) การคมนาคมและคลังสินค้า (+8%) (4) ที่พักอาศัย (+50%) (5) อาหารและเครื่องดื่ม (+26%) (6) การเงินและการประกันภัย (+48%) (7) อสังหาริมทรัพย์ (+1%) (8) การบริการธุรกิจ (+17%) และ (9) สันทนาการ (+21%) สำหรับคาดการณ์การจ้างงานในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2554 ดังนี้ (1) การค้าส่ง ซึ่ง ร้อยละ 21 คาดว่าจะขยายตัวขึ้น (2) การค้าปลีก (-10%) (3) การคมนาคมและคลังสินค้า (+12%) (4) ที่พักอาศัย (+25%) (5) อาหารและเครื่องดื่ม (+29%) (6) การเงินและการประกันภัย (+38%) (7) อสังหาริมทรัพย์ (-6%) (8) การบริการธุรกิจ (+21%) และ (9) สันทนาการ (+25%)

7.สิงคโปร์เป็นประเทศสำคัญที่จะส่งเสริมให้ภูมิภาคเอเชียมีเศรษฐกิจดีขึ้น จากคำกล่าวของ Mr. Lim Hng Kiang, Minister for Trade and Industry ณ งาน Global Trader Summit เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2554 โดยสรุป ดังนี้ (1) บริษัททั่วโลกให้ความสำคัญว่า สิงคโปร์มีทำเลที่ตั้งดี สะดวกในการไปสู่ตลาดเอเชียและอื่นๆทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน มี MNCs กว่า 4,000 รายที่ตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ ทั้งที่เป็นสำนักงานใหญ่และสำนักงานภูมิภาค (2) สิงคโปร์ก้าวหน้าในการทำธุรกิจแบบ Eco-system ซึ่งทำให้บริษัทต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจหลากหลาย ได้แก่ -บริษัท BT Cocoa (อินโดนีเซีย) จัดตั้งบริษัทในสิงคโปร์และจำหน่ายสินค้า Cocoa ไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก -บริษัท Petron Corporation (บ.น้ำมัน ฟิลิปปินส์) จัดตั้ง Trading Hub ในสิงคโปร์เป็นแห่งแรกนอกฟิลิปปินส์ เป็นต้น (3) บริษัทต่างๆจากภูมิภาคเอเชียประสงค์จะเข้ามาใช้สิงคโปร์เป็นฐานในการขยายตลาดต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งบริษัทจีน มีประมาณ 3,500 ราย และบริษัทอินเดีย ประมาณ 4,500 ราย (4) บริษัทสิงคโปร์ได้ขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคเอเชีย โดยระหว่างปี 2549-2552 มูลค่าการลงทุนของสิงคโปร์ในเอเซีย เพิ่มขึ้นจาก 120 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เป็น 190 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ทั้งนี้ บริษัทสำคัญ ได้แก่ Wilmar International Limited ไปลงทุนในอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม จีน และอินเดีย มูลค่าลงทุนในปี 2553 รวมประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

กิจกรรมที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2554

1. ดำเนินการโครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับ Giant Hypermarket ระหว่างวันที่ 6-19 พฤษภาคม 2554

2. ดำเนินการโครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ต NTUC FairPrice ระหว่างวันที่ 12-25 พฤษภาคม 2554

3. การประสานและเข้าชมงานแสดงแฟชั่นโชว์ของ Greyhound ในงาน Audi Fashion Festival 2011 ณ Tent@Ngee Ann City สิงคโปร์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2554

4. ผอ. นำคณะนักธุรกิจสิงคโปร์เยือนงาน ThaiFex -World of Food Asia 2011 ระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2554 โดยคณะรวม 28 ราย แบ่งออกเป็น VVIP 3 ราย VIP 7 ราย และ TM 18 ราย

5. ผอ. เข้าร่วมประชุมหัวหน้าสำนักงานฯ และ Export Clinic ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2554

6. ประสานการลงโฆษณางาน Bangkok RHVAC 2011 และ Bangkok E&E 2011 ในสื่อสิ่งพิมพ์สิงคโปร์

7. ประสานงานเกี่ยวกับการจัดโครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้าง Isetan (กำหนดจัดระหว่างวันที่ 3-16 มิถุนายน 2554)

8. ประสานงานเกี่ยวกับการจัดโครงการThailand Trade Exhibition ณ VivoCity (กำหนดจัดระหว่างวันที่ 8-12 มิถุนายน 2554)

9. ประสานงานการลงโฆษณาประชาสัมพันธ์กรมส่งเสริมการส่งออกในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างประเทศ (สิงคโปร์)

10. ประสานเชิญชวนและจัดคณะนักธุรกิจ/ผู้นำเข้าสิงคโปร์เยือนงานแสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair 2011 (14-18 September 2011), Thailand International Logistic Fair 2011 (7-11 October 2011)

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ