กรมฝนหลวง ปรับแผนช่วงต.ค.-พ.ย. เร่งเติมน้ำในเขื่อนภาคเหนือ-อีสานสำรองไว้ช่วงฤดูแล้ง

ข่าวทั่วไป Tuesday October 6, 2015 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงจากเดิมที่จะปิดศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศในวันที่ 15 ต.ค.58 เลื่อนไปจนถึงเดือน พ.ย.58 หรือจนกว่าสภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวย ตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร รวมหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้ระดมกำลังไปปฏิบัติการในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนที่ได้รับผลกระทบแทน โดยมุ่งหวังเพื่อเติมน้ำในเขื่อนให้ได้ปริมาณมากที่สุด

สำหรับในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.58 ยังคงปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศ สำรองไว้เป็นน้ำต้นทุนในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ซึ่ง ณ ขณะนี้มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 9 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่, ตาก, พิษณุโลก, นครสวรรค์, กาญจนบุรี, นครราชสีมา, อุดรธานี, ระยอง และ ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเพื่อช่วงชิงสภาพอากาศระยะนี้ในการเพิ่มปริมาณและการกระจายตัวการตกของฝนให้ตกเหนือเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่ยังอยู่ในสภาวะวิกฤติในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง

ทั้งนี้การปฏิบัติการฝนหลวงจะต้องไม่ไปซ้ำเติมความเดือดร้อนในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย ซึ่งทางศูนย์/หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจะต้องดำเนินการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมาได้เปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดตาก เพื่อเพิ่มรัศมีของการบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือในพื้นที่ภาคเหนือ โดยทำงานประสานร่วมกับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงพิษณุโลก และเชียงใหม่ ในการเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนที่สำคัญในภาคเหนือ เช่น เขื่อนภูมิพล, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เป็นต้น

โดยผลการปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีฝนตกคิดเป็น 94% ของการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำหลักที่สำคัญ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเฉลี่ยประมาณวันละ 7 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเฉลี่ยประมาณวันละ 6 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และเขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเฉลี่ยประมาณวันละ 13 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน, เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเฉลี่ยประมาณวันละ 29 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน

"หากสภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลง กรมฝนหลวงและการบินเกษตรก็จะปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งจะปฏิบัติการฝนหลวงจนกว่าสภาพอากาศจะมีความชื้นต่ำกว่าเกณฑ์ที่เหมาะสมในการทำฝนได้" นายเลอศักดิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ