พธม.นัดชุมนุมใหญ่ 2 พ.ย.ค้านรัฐนำผลประชุม JBC เข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภา

ข่าวการเมือง Thursday October 28, 2010 15:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อ่านแถลงการณ์ประณามรัฐบาลที่นำร่างบันทึกข้อตกลงคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) เข้าสู่ที่ประชุมร่วม 2 สภา ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลุ่มพันธมิตรฯ เคยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยกเลิกข้อผูกพันทั้งปวงที่มีการอ้างอิงแผนที่แสดงเส้นเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยประเทศฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียวที่รุกล้ำดินแดนไทยเป็นจำนวนมาก และได้เรียกร้องให้ผลักดันทหารและชาวกัมพูชาออกจากดินแดนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข

ในขณะที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) ได้ประชุมไป 3 ครั้ง ในการจัดทำร่างข้อตกลงชั่วคราว เพื่อดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกในพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหารเสียใหม่ ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการสูญเสียดินแดนในทางพฤตินัยโดยทันที และอาจสูญเสียดินแดนในทางนิตินัยในอนาคต

"ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลกลับไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องข้อผูกพันในแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว และไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำและยึดครองดินแดนไทยในบริเวณรอบปราสาทพระวิหารแต่ประการใด ซ้ำร้ายรัฐบาลกลับพยายามเดินหน้าดำเนินการนำบันทึกผลการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาเข้าขอความเห็นชอบจากที่ประชุมสมาชิกรัฐสภา และปล่อยปละละเลยให้ทหารกัมพูชารุกล้ำและยึดครองดินแดนไทยตามชายแดนเพิ่มขึ้นอีกหลายจุดอย่างต่อเนื่อง" แถลงการณ์ระบุ

ดังนั้น จากเหตุผลดังกล่าวแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประชุมร่วมกัน และมีมติดังนี้ 1.ขอประณามการกระทำของรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 ต.ค.53 ที่นำเรื่องบันทึกผลการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ทั้ง 3 ครั้ง เข้าสู่ที่ประชุมของสมาชิกรัฐสภาโดยปล่อยให้มีการอภิปรายและกำหนดวาระที่จะลงมติในการประชุมสมาชิกรัฐสภาครั้งหน้าในวันที่ 2 พ.ย.53 ทั้งที่นายกรัฐมนตรีได้ตกลงกับตัวแทนพันธมิตรฯ นักวิชาการ และสมาชิกวุฒิสภาบางคนเมื่อ 26 ต.ค.ว่าจะเพียงแค่ให้ รมว.ต่างประเทศกล่าวเปิดวาระและจะปิดการประชุมทันทีโดยยังไม่มีการพิจารณาใดๆ

การนำวาระดังกล่าวเข้าที่ประชุมของรัฐสภาแล้วปล่อยให้มีการพิจารณาต่อเนื่อง แท้ที่จริงแล้วเป็นเล่ห์เพทุบายของฝ่ายรัฐบาล เพราะมีการเร่งรัดวาระอื่นๆ ก่อนหน้าให้ลงมติในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งมีการวางแผนให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลงดอภิปรายวาระก่อนหน้าเพื่อประหยัดเวลา นอกจากนั้นยังปรากฏเป็นข่าวสารจากนายปาย สิฟาน โฆษกคณะรัฐมนตรีกัมพูชาว่า กัมพูชาจะไม่นำปัญหาข้อพิพาทชายแดนกับไทยเข้าหารือกับนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาติ เนื่องจากประเทศไทยให้คำมั่นว่ารัฐสภาไทยจะอภิปรายเพื่อลงมติข้อตกลง 3 ฉบับ ของคณะกรรมาธิการเขนแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งนั่นย่อมแสดงให้เห็นว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกับกัมพูชาในการทำให้ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบกัมพูชา

2.ขอร้องต่อสมาชิกรัฐสภาอย่าได้ลงมติรับรองบันทึกผลการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในมาตรา 70 และ 71 เพราะอาจทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ราชอาณาจักรหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมไป มิเช่นนั้นอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119 ซึ่งต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต และอาจทำให้ประชาชนต้องเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติเห็นชอบกับบันทึกผลการประชุมดังกล่าวโดยทันที

3. การที่รัฐบาลได้ตระบัดสัตย์ต่อตัวแทนพันธมิตรฯ และนักวิชาการ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเชื่อถือในคำพูดหรือการเจรจาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกภูมิภาคได้มาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยมาชุมนุมภายใต้ข้อกฎหมายเพื่อคัดค้านการลงมติของสมาชิกรัฐสภาเพื่อรับรองบันทึกผลการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ในเช้าวันที่ 2 พ.ย.53 ที่หน้ารัฐสภา เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป

4.ขอให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ได้ยื่นหนังสือ, โทรศัพท์ หรือส่งข้อความผ่านโทรสาร อีเมล์ เฟสบุ๊ค และชุมนุมหน้าบ้านหรือสำนักงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาในเขตของท่านเพื่อใช้สิทธิตามกฎหมายและร้องขอให้สมาชิกรัฐสภาหยุดการขายชาติโดยให้คัดค้านบันทึกผลการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาในการประชุมสมาชิกรัฐสภาให้สำเร็จโดยเร็วก่อนวันที่ 2 พ.ย.53

5.ขอเรียกร้องให้ข้าราชการทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 77 ในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งเขตอำนาจรัฐเข้าผลักดันการรุกล้ำและยึดครองแผ่นดินไทยโดยทันที


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ