นายกฯ ขอคุยทุกฝ่ายก่อนเพิ่มวันหยุด เชื่อหลัง 31 ต.ค.น้ำท่วมกรุงลดลง

ข่าวการเมือง Saturday October 29, 2011 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรัฐมนตรี ขอหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง กรณีมีการเสนอให้เพิ่มวันหยุด ย้ำการทำงานของรัฐบาลและ กทม.ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมเป็นไปในทางเดียวกัน ยืนยันการให้ความช่วยเหลือประชาชนยังต่อเนื่อง แม้มีการย้าย ศปภ. ด้าน “พล.ต.อ.ประชา" แจงเหตุย้าย ศปภ. เชื่อ ปตท.ปลอดภัยไม่ซ้ำรอยดอนเมือง ยันเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ แต่มวลน้ำมาก ทำให้พนังกั้นแตก ยอมรับ 30-31 ต.ค.นี้ เป็นช่วงวิกฤติ วอนประชาชนระมัดระวังระดับน้ำ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมประชุมกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านการจราจร ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) ถึงเรื่องการจัดระบบการจราจรช่วงวิกฤติอุทกภัยในกรุงเทพฯ

ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอเพิ่มวันหยุดว่า จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง หากประกาศเป็นวันหยุดแล้วประชาชนได้หยุดจริงๆ ไม่เดินทางสัญจรภายในกรุงเทพฯ ก็จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าออกมาสัญจรเดินทางก็เป็นเรื่องลำบากในการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม ต้องดูภาพรวมอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในกรุงเทพฯ ในภาพรวมแล้วมวลน้ำจากด้านเหนือกรุงเทพฯ น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ถือว่ายังมีมวลน้ำมาก และกรุงเทพฯ ต้องเร่งระบายน้ำออกคลองทวีวัฒนาและคลองแสนแสบให้เต็มที่ ซึ่งภาพรวมการทำงานของรัฐบาลและ กทม.เป็นแนวเดียวกัน โดยจะเร่งระดมเครื่องสูบน้ำและเร่งทำงานให้มีความเข้มแข็งขึ้น เชื่อว่าหลังจาก 1-2 วันนี้น่าจะดีขึ้น

เมื่อถามว่า ทางด้านฝั่งธนบุรีขณะนี้น้ำทะเลจะหนุนสูง และจะทำให้สถานการณ์ยิ่งหนักขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าระดับน้ำทะเลสูงกว่าแนวพนังกั้น ดังนั้นจะต้องเร่งสูบออกด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม และป้องกันพนังกั้นน้ำแตก เชื่อว่าผ่านวันที่ 31 ต.ค.นี้ไปได้ก็น่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คนไทยทั้งประเทศต้องไม่ประมาท ต้องจับตาดูน้ำทะเลหนุนในช่วง 1-2 วันนี้ และหลังจากนี้หากมวลน้ำไม่มาก จะสามารถเร่งระบายลงสู่ทะเลได้ การระบายน้ำของ กทม. และการควบคุมระดับน้ำในพื้นที่ กทม.น่าจะดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การย้าย ศปภ.ไปอยู่ที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต ประชาชนยังสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1111 กด 5 ได้ตามปกติ โดย ศปภ.ได้เตรียมแผนรองรับไว้หมดแล้ว ขอยืนยันว่าไม่ต้องห่วง

เมื่อถามว่า การย้าย ศปภ.จะทำให้หมดความเชื่อมั่นต่อ ศปภ. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอทำความเข้าใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติ อย่ามองเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น หากมองว่าเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นหรือไม่มีความเชื่อมั่น จะยิ่งทำให้ขวัญและกำลังใจของประชาชนไม่เหลือ

“วันนี้เจ้าหน้าที่ก็ทำงานเต็มที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่บางคนก็ประสบภัย ขอความเห็นใจกับเจ้าหน้าที่ด้วย เขามาทำงาน ยืนหยัดมาโดยตลอด บางคนต้องทิ้งบ้านตัวเองมา หรือบางคนไม่มีกระสอบทรายไว้ป้องกันบ้านตัวเองด้วยซ้ำ จึงอยากขอให้กำลังใจซึ่งกันและกัน" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.ประชา กล่าวถึงการย้าย ศปภ.ว่า เหตุเกิดจากน้ำทะลักเข้าศูนย์ควบคุมไฟฟ้าของท่าอากาศยานดอนเมือง จึงไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ เพราะกำแพงรั้วของท่าอากาศยานถูกน้ำพัดพังทลาย น้ำจึงทะลักเข้าไปในท่าอากาศยาน จึงต้องย้าย ศปภ.ไปที่ ปตท. ซึ่งถือว่าเป็นจุดปลอดภัย และเชื่อว่าคงไม่เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนอย่างที่ท่าอากาศยานดอนเมือง

พล.ต.อ.ประชา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ที่คลองมหาสวัสดิ์น้ำได้ทะลักเข้ามา และมีสาหร่าย สิ่งสกปรก เข้าคลองประปา ทำให้การประปานครหลวง (กปน.) ต้องลดกำลังการผลิตน้ำประปาในฝั่งธนบุรี จากเดิมที่เคยผลิต 900,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือเพียง 400,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ขณะนี้ได้แก้ไข ทำให้ผลิตน้ำประปาได้ 500,000 ล้านลูกบาศก์เมตร กปน.จึงจำเป็นต้องปล่อยน้ำฝั่งธนบุรีในช่วงเช้าและเย็นเท่านั้น ส่วนในช่วงกลางวัน ขอให้ประชาชนสำรองน้ำไว้ใช้ และเหตุหนึ่งที่จำเป็นต้องปล่อยน้ำประปาเป็นเวลา เนื่องจากต้องกันน้ำไว้ให้กับโรงพยาบาลในฝั่งธนบุรี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ