สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นายอาลี-อัคบาร์ ซาเลฮี รมว.ต่างประเทศอิหร่านกล่าวในวันนี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและยุโรปจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต
นายซาเลฮีกล่าวว่า ทั้งประเทศในยุโรปและอิหร่านไม่สามารถมองข้ามความจำเป็นสำหรับการร่วมมือกันได้
เขาได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวหลังจากที่อิหร่านประกาศวานนี้ว่าได้ยุติการส่งออกน้ำมันให้แก่บริษัทของฝรั่งเศสและอังกฤษ แม้ว่า จะยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนก่อนที่สหภาพยุโรปจะประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านก็ตาม
“กระทรวงน้ำมันได้ยุติการขายน้ำมันให้แก่บริษัทของอังกฤษและบริษัทของฝรั่งเศสแล้ว" นายอาลีเรซา นิคซาด-ราห์บาร์ โฆษกกระทรวงน้ำมันอิหร่านเปิดเผยเมื่อวานนี้
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในช่วงหลายเดือนก่อนที่มาตรการคว่ำบาตรจากสหภาพยุโรป (อียู) ต่อน้ำมันของอิหร่านจะมีผลบังคับใช้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ รมว.น้ำมันอิหร่านได้ระบุถึงความเป็นไปได้ในการยุติการส่งออกน้ำมันให้แก่ประเทศสมาชิกอียูบางประเทศ
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีมติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างเป็นทางการในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ดำเนินโครงการนิวเคลียร์
ภายใต้ข้อตกลงใหม่ที่มีการประกาศไปแล้วดังกล่าว รัฐบาลอียูต้องยุติการทำสัญญาฉบับใหม่กับอิหร่านทันทีที่คำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้ ขณะที่สัญญาฉบับปัจจุบันนั้นอนุญาตให้ใช้ได้จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2555
ประเทศในยุโรปซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่จากอิหร่านอย่าง กรีซ อิตาลี และสเปน จะต้องหาแหล่งน้ำมันอื่นๆทดแทนให้ทันวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งจะการคว่ำบาตรจะเริ่มมีผลบังคับใช้