นายสรรเสริญ สมะลาภา รมช.คลังเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนเองได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง, นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง และนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีไม่เรียกเก็บภาษีจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาทจากการซื้อขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN)
หลังจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี กรมสรรพากรก็กลับลำมีคำสั่งไม่เรียกเก็บภาษีจำนวนดังกล่าวจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ โดยอ้างว่าเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ได้รับการยกเว้นในการจัดเก็บภาษี ซึ่งถือเป็นการตัดตอนพฤติกรรมการซื้อขาย เพราะในการซื้อขายหุ้นครั้งแรกเป็นการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ซึ่งจะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าหุ้นดังกล่าวไม่ใช่ของนายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร แต่รายได้เกิดขึ้นแล้วจึงต้องมีผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ ซึ่งจะเห็นว่าได้ว่ากรมสรรพากรตีความกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อบุคคลทั้งสามแล้ว ยังจะดำเนินการทวงคืนเงินภาษี 1.2 หมื่นล้านให้ประชาชนชาวไทยในช่องทางอื่นควบคู่ไปด้วย เพราะเห็นว่ายังไม่หมดหวังที่ประเทศจะได้เงินก้อนนี้กลับคืนมา เนื่องจากกรมสรรพากรยังไม่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ยื่นแบบ ภงด. 91 ในปี 2550 หรือไม่ เพราะในเวลานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ต่างประเทศจึงมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ได้ยื่นเสียภาษี ซึ่งจะทำให้คดียังไม่หมดอายุความ
"จะมีเวลาอีก 5 ปีต่อจากนี้ที่จะดำเนินการทวงภาษีกลับมาให้พี่น้องประชาชน และจะพิจารณาดำเนินการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายจากกรณีที่รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี 1.2 หมื่นล้านบาทด้วย" นายสรรเสริญ กล่าว
โดยในส่วนนี้จะรอดูการตอบรับของ ป.ป.ช.ก่อนว่าจะรับเรื่องที่ร้องเรียนไปพิจารณาหรือไม่ เพราะหาก ป.ป.ช.เห็นด้วยกับคำร้องของตนเองก็เท่ากับยืนยันว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริงที่น่าจะนำไปสู่การยื่นฟ้องในคดีแพ่งได้