สส.ปชป.ตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาลเรื่องปัญหาราคาสินค้าแพง-สินค้าเกษตรตกต่ำ

ข่าวการเมือง Thursday January 24, 2013 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานข่าว แจ้งว่า นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้ตั้งกระทู้ถามสดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเรื่อง สินค้าอุปโภคบริโภคปรับราคาสูงขึ้นแต่สินค้าเกษตรมีราคาตกต่ำ โดยระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศอินโดนีเซียบางรายการจะต้องขออนุญาต ซึ่งจะหมดเขตในวันที่ 25 ม.ค.นี้ อยากทราบว่ารัฐบาลได้มีการขออนุญาตไปยังประเทศอินโดนีเซียหรือยัง

นอกจากนี้ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคได้ปรับสูงขึ้น อาทิ เนื้อหมูจาก กก.ละ 119.75 บาทในปี 55 เพิ่มขึ้นอีก 10.25% ในปีนี้ ส่วนราคาไข่ไก่จากฟองละ 3.33 บาท เพิ่มเป็นฟองละ 3.65 บาท ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรกลับราคาตกต่ำ เช่น มันสำปะหลัง กก.ละ 2.25 บาท ลดลงเหลือ 2.05 บาท ยางพารา กก.ละ 94.43 บาท ลดลงเหลือ 79.17บาท จึงอยากถามว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร เพราะบริหารงานมาแล้วปีกว่า

ด้านนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจากับทางประเทศอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทราบว่าขณะนี้ทางสหรัฐอเมริกากำลังยื่นเรื่องไปยังองค์การการค้าโลก(WTO) กรณีการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวจะเข้าข่ายแทรกแซงการค้าหรือไม่ โดยกระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาว่าจะร่วมยื่นเรื่องร้องไปยัง WTO ด้วยหรือไม่

ส่วนการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่าช่วงเวลาไหน ราคาเท่าไหร่ และส่งรายละเอียดกลับมายังกระทรวงฯ เพื่อจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรแต่ละพื้นที่ได้อย่างตรงจุด สำหรับไข่ไก่ก็มีการจำกัดพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อควบคุมปริมาณผลผลิตภายในประเทศผ่านคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือเอ้กบอร์ด ซึ่งขณะนี้มีปริมาณไข่เกินความต้องการภายในประเทศวันละ 1-2 ล้านฟอง ทำให้ราคาไข่ไก่ไม่ได้ขยับเพิ่มสูงขึ้นมากนัก

นายอาคม กล่าวว่า ในส่วนของราคาปาล์มที่ตกต่ำ ซึ่งมีพื้นที่ผลิต 4.2 ล้านไร่ ขณะนี้ผลผลิตออกมาแล้ว 3.9 ล้านไร่ แต่ไม่สามารถขายได้ เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์มีการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 4 หมื่นล้านตัน ขณะที่น้ำมันปาล์มที่กลั่นแล้วยังค้างอยู่โรงกลั่นเป็นจำนวนมากนั้นรัฐบาลจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

รมว.เกษตรฯ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีการรับซื้อปาล์มจากเกษตรกร 5 หมื่นตัน และรับซื้อครั้งที่ 2 อีก 5 หมื่นตัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องการให้เกษตรกรรายย่อยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนต้องมีที่ดินปลูกปาล์มไม่เกินรายละ 50 ไร่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ