"ผมทราบจากหนังสือพิมพ์ ขออนุญาตไม่แสดงความเห็นจนกว่ามีพระบรมราชโองการฯ ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาตามความเหมาะสม ท่านคงพิจารณาดีแล้ว ผมไม่ยึดติด แล้วแต่ท่านนายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือน้อยใจหากถูกปรับย้าย และพร้อมทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งหากถูกปรับโยกไปดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงาน ก็จะเข้าไปแก้ปัญหาแรงงานเถื่อน และการค้ามนุษย์ และเชื่อว่า ครม.ชุดใหม่จะสามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีแม้สถานการณ์ทางการเมืองจะไม่เป็นปกตินับจากนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ขอวิจารณ์หากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จะเข้ามาทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานด้านความมั่นคง และกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)โดยเห็นว่าทุกฝ่ายควรให้โอกาสในการทำหน้าที่ แม้หน้าที่รับผิดชอบจะเป็นเรื่องยากก็ตาม พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องการปรับ ครม.รวมถึงไม่ได้มีการต่อสายเคลียร์ใจกับนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงานแต่อย่างใด
"คนอย่างผมอยู่ที่ไหนก็สนุกกับงาน ผมมีเรื่องทำของผมเรื่อย...ไม่ได้เคลียร์ใจเพราะผมไม่อยากไป ไม่มี ไม่น้อยใจนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นไปได้หยุดเวลาได้มั้ย ก็ให้ผมอยู่ต่อสิ"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แม้จะถูกปรับจากตำแหน่งก็ยังคงยืนยันที่จะให้การช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เดินทางกลับประเทศ ด้วยกฏหมายปรองดอง และกฎหมายนิรโทษกรรมที่อยู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีพนักงานจากบริษัทเฟอร์นิเจอร์ขนย้ายชุดโซฟาหรูชุดใหญ่จากห้องทำงาน ร.ต.อ.เฉลิม ออกจากห้องทำงานภายในทำเนียบรัฐบาลแล้ว และ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ปัญหาในระหว่างวันที่ 29 และ 30 มิ.ย.นี้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกการประชุมติดตามสถานการณ์ภาคใต้ประจำสัปดาห์ในวันนี้
ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ขอฝากหรือให้คำแนะนำใดๆ ให้ผู้ที่จะมารับงานดูแลด้านความมั่นคงที่จะสานต่องาน ในเรื่องของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากปัญหาในพื้นที่เป็นเรื่องยากที่หลายฝ่ายต้องร่วมมือกัน แต่เห็นว่าการนำเสนอข่าวข้อเรียกร้องของกลุ่มบีอาร์เอ็นจะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ และย้ำว่าการแก้ไขปัญหาต้องนำเข้าสู่การหารือและพิจารณาร่วมกันในที่ประชุม ศปก.กปต.ให้ตกผลึกก่อนเสนอผ่านสื่อ