ทั้งนี้ ส่วนกรอบระยะเวลา 30 วันที่จะต้องเปิดประชุมสภาฯ ให้ได้นั้นอยู่ในหมวดว่าด้วยสภา ไม่ได้อยู่ในหมวดของการเลือกตั้ง หรือเรื่อง ครม.พ้นหน้าที่ถือเป็นคนละหมวดกัน การกำหนดกรอบเวลา 30 วันขึ้นมาเพื่อป้องกันการดึงเวลา แต่กรณีนี้ไม่ใช่ภาวะปกติ เพราะการเลือกตั้งหากยังไม่แล้วเสร็จก็ต้องเลือกไปจนกว่าจะครบ แต่อาจจะสิ้นเปลืองงบประมาณ จึงต้องเร่งให้เร็วขึ้น
"หลักการจริงๆ ประเทศจะว่างจากรัฐบาลไม่ได้ หากไม่ให้อำนาจรัฐบาลแล้วจะให้ใครทำ ดังนั้น ในนามของรัฐบาลยังคงอยู่จนกว่าจะมีใครบอก โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า อยู่ไม่ได้แล้ว"นายเกษม กล่าว
นายชัยเกษม ยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่สิ้นสภาพ นอกจากจะมีการไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าสิ้นสภาพก็ต้องฟัง แต่ที่ผ่านๆ มาหลายครั้งก็ไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญ และรู้สึกกังวลต่อกระบวนการยุติธรรม เพราะประชาชนจะจับตาผลตัดสินว่าขัดต่อความรู้สึก ขัดต่อกฎหมาย หรือประเด็นอื่น ๆ ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่ เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันระมัดระวัง หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ความขัดแย้งจะมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งอย่างสำหรับกระบวนการยุติธรรม
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะให้มีการจัดการเลือกตั้งส.ส.ใน 28 เขตที่เหลือ พร้อมกับการเลือกตั้ง ส.ว.นั้น นายชัยเกษม กล่าวว่า มีหลายประเด็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำได้โดยที่ไม่ต้องปรึกษาศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กกต.อาจจะเกรงว่าถ้าทำไปแล้วอาจจะต้องรับผิดชอบเลยต้องหาผู้สนับสนุน แต่ก็อาจทำให้การเลือกตั้งที่ควรจะเร็วกลับช้าออกไป ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้มีปัญหา เพราะเป็นหน้าที่ของกกต. แต่ก็เห็นว่าอำนาจของกกต.มีมากมายสามารถตัดสินใจทำอะไรได้เอง ตรงนี้อยู่ที่ฝืมือหากฝีมือดีก็เสร็จเร็วหากไม่ดีก็เสร็จช้า
นอกจากนี้ นายชัยเกษม ประเมินฝีมือการทำงานของ กกต.ว่า ยังไม่เป็นที่พอใจ หากให้คะแนนก็พอผ่าน แต่ความจริง กกต.ต้องออกมาแบบเกียรตินิยม ในฐานะที่รับผิดชอบและมีอำนาจสูงสุดในบ้านเมืองเวลานี้