(เพิ่มเติม1) ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด"นิคม"กรณีแก้รธน.ที่มาส.ว.,ยังไม่ชี้มูล"สมศักดิ์"

ข่าวการเมือง Thursday March 20, 2014 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แถลงถึงผลการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกรณีร้องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่...) พ.ศ.... ในประเด็นเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว.ในส่วนของนายนิคม ไวยรัชพานิช สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา

ทั้งนี้ นายนิคม ถูกกล่าวหาใน 4 ประเด็นด้วยกัน ประกอบด้วย กรณี นายนิคม ได้ร่วมลงชื่อในญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ (1) ซึ่งเสนอโดย นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกวุฒิสภา และคณะ และฉบับที่ (2) ซึ่งเสนอโดย นายประสิทธิ์ โพธสุธน สมาชิกวุฒิสภา และคณะเป็นผู้เสนอ

กรณีนายนิคม ซึ่งเป็นประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้จัดให้มีการลงมติเพื่อวินิจฉัยตัดสิทธิสมาชิก ผู้แปรญัตติ ผู้สงวนคำแปรญัตติ และผู้สงวนความเห็น จำนวน 57 คน โดยอ้างเหตุว่าคำแปรญัตติของสมาชิกรัฐสภาขัดต่อหลักการ

กรณีรวบรัดให้มีการลงมติปิดอภิปราย ทั้งที่มีผู้แปรญัตติ ผู้สงวนคำแปรญัตติ และผู้สงวนความเห็น ที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์อภิปรายจำนวนมาก ในมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 11/1 และมาตรา 12 โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของสมาชิก

และกรณีนายนิคม ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภาหลายครั้ง โดยแสดงความเห็นในเชิงลบต่อกระบวนการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาว่าไม่ตรงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์ว่าการกระทำของนายนิคม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา(สมัยสามัญทั่วไป) ได้รับญัตติให้ปิดอภิปรายทั้งที่มีผู้ขอแปรญัตติ ผู้สงวนคำแปรญัตติ และผู้สงวนความเห็นรออภิปรายอยู่ จึงเป็นการตัดสิทธิผู้ขอแปรญัตติ ผู้สงวนคำแปรญัตติ และผู้สงวนความเห็น โดยได้ใช้เสียงข้างมากในที่ประชุมปิดการอภิปราย

ดังนั้นการกระทำของนายนิคม จึงมีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ อันเป็นมูลเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง

"การกระทำของนายนิคม ไวยรัชพานิช สมาชิกวุฒิสภา จึงมีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 291 อันเป็นมูลเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 270 และมาตรา 274 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 56 มาตรา 58 มาตรา 61 และมาตรา 62 เห็นควรให้ประธาน ป.ป.ช. ส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อดำเนินการตามมาตรา 273 และมาตรา 274 ต่อไป" นายประสาท กล่าว

ส่วนข้อกล่าวหาอื่นไม่มีมูลความผิด ให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป

นายประสาท กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้นายนิคม จะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ซึ่งทางป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้ทางประธานวุฒิสภาดำเนินการต่อไป ส่วนใครจะทำหน้าที่ประธานนั้น ถือเป็นขั้นตอนทางธุรการของวุฒิสภาจะเป็นผู้พิจารณา

สำหรับกรณีของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ นั้นที่ประชุม ป.ป.ช.วันนี้ ยังไม่มีมติชี้มูลความผิด เนื่องจากเป็นประเด็นที่ไม่สอดคล้องและตรงกับกรณีนายนิคม ทำให้ต้องพิจารณาพยานหลักฐานมากกว่า

นายประสาท กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้นายนิคม จะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ซึ่งทางป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้ทางประธานวุฒิสภาดำเนินการต่อไป ส่วนใครจะทำหน้าที่ประธานนั้น ถือเป็นขั้นตอนทางธุรการของวุฒิสภาจะเป็นผู้พิจารณา

ส่วนกรณีของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ที่ ป.ป.ช.ยังไม่สามารถชี้มูลได้ในวันนี้ เนื่องจากกรณีของนายสมศักดิ์ มีพยานบุคคลและพยานหลักฐานมากกว่ากรณีของนายนิคม ตั้งแต่กระบวนการรับร่างรัฐธรรมนูญ และกระบวนการเสนอร่างเข้าสู่ที่ประชุมสภา ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถชี้มูลได้ภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ แต่จะพยายามรวบรวมให้รวดเร็ว

"กระบวนการมีมากกว่านายนิคม ทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐาน จะมาลวกๆ ง่ายๆ ไม่ได้"นายประสาท กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ