ศอ.รส.คาดขอศาลอนุมัติหมายจับ"โกตี๋"ภายในพรุ่งนี้กรณีล่วงละเมิดสถาบัน

ข่าวการเมือง Thursday April 10, 2014 13:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แถลงผลการประชุมวันนี้ว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า กรณีนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และมีการตรวจพบการเผยแพร่คลิปวิดีโอทางอินเตอร์เน็ตเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีข้อความเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นการล่วงละเมิดต่อสถาบัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยเร็ว

ในวันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบังคับการปราบปราม ได้รับคดีและเริ่มสอบสวนทันทีแล้ว คาดว่าจะขอศาลอนุมัติหมายจับได้ภายในวันพรุ่งนี้ ศอ.รส.จึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวนให้เร่งรัดดำเนินคดีโดยเร็ว และให้ติดตามการกระทำผิดในลักษณะนี้ โดยจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกรายไม่มีละเว้น

ทั้งนี้ ศอ.รส.ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่า การเผยแพร่หรือส่งต่อคลิปวีดิโอดังกล่าวอาจถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี นอกจากนี้ยังอาจถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ด้วย

นอกจากนั้น ศอ.รส.ได้รับรายงานว่าในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรีจากกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี และคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดในกรณีโครงการรับจำนำข้าว แกนนำทั้งสองฝ่าย คือ กลุ่ม กปปส. และกลุ่ม นปช.ได้มีการปลุกระดมให้มวลชนจำนวนมากเข้าร่วมชุมนุมกับฝ่ายตนในลักษณะท้าทายแข่งขันกัน ซึ่ง ศอ.รส. มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งว่า การระดมมวลชนในลักษณะดังกล่าวอาจเป็นชนวนเหตุของการปะทะหรือเผชิญหน้า รวมถึงการก่อเหตุร้ายด้วย

ดังนั้น ศอ.รส.จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการสนับสนุนในทุกรูปแบบ ไม่ว่ากับกลุ่ม กปปส.หรือกลุ่ม นปช. และขอเรียกร้องไปยังแกนนำทั้งสองกลุ่มให้คำนึงถึงเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมใหญ่ และ ศอ.รส.จะได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด และเมื่อเกิดการกระทำผิดขึ้น แกนนำของผู้ชุมนุมทุกคนจะต้องรับผิด ทั้งทางอาญาและทางแพ่งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอยืนยันว่า ศอ.รส. ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะปฏิบัติหน้าที่โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียม เพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น

พร้อมกันนั้น ตามที่กลุ่ม กปปส.ได้ประกาศว่าจะคืนพื้นที่หน่วยงานราชการต่างๆ ที่เคยถูกกลุ่ม กปปส.ปิด ให้กลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง โดยกำหนดเงื่อนไขว่าหน่วยราชการนั้นต้องติดป้ายสนับสนุนกลุ่ม กปปส. และไม่ให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเข้าปฏิบัติหน้าที่ ศอ.รส. เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของกลุ่ม กปปส. เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากข้าราชการจะต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และการที่กลุ่ม กปปส. กำหนดเงื่อนไขให้หน่วยราชการต้องแสดงตัวว่าสนับสนุนกลุ่ม กปปส. อาจทำให้ประชาชนที่รับบริการจากหน่วยราชการนั้นเกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้ นอกจากนี้ การประกาศห้ามรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเข้าปฏิบัติหน้าที่ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่องานราชการเป็นอย่างมาก ซึ่งในที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าวของกลุ่ม กปปส. ก็คือประชาชน

ศอ.รส.ขอย้ำว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. อีก 58 ราย เป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษ ซึ่งถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆ เช่น การขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการ ดังนั้น หากหน่วยราชการใดแสดงการสนับสนุน กปปส.ตามที่ กปปส.เรียกร้อง ศอ.รส.จะถือว่าหน่วยราชการดังกล่าวให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดกฎหมาย และอาจต้องถูกดำเนินคดีในโอกาสต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ