นายกฯ ชี้กลุ่ม CLMTV ต้องร่วมแก้ปัญหาแรงงานให้เป็นระบบ-ถูกกม. ป้องกันค้ามนุษย์

ข่าวการเมือง Friday September 4, 2015 11:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน(CLMTV) ว่า รัฐบาลทั้ง 5 ประเทศต่างต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของประชากรตัวเอง และแก้ปัญหาเรื่องแรงงานให้เป็นระบบ ดังนั้นทั้งภูมิภาคจึงต้องร่วมมือกันวางระบบเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกันในทุกด้าน โดยแต่ละประเทศต้องช่วยกันดูแลแรงงานทุกชาติที่เข้าไปทำงานให้เกิดความเท่าเทียมกันเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประเทศนั้นๆ

นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางภายใต้กรอบความร่วมมือด้านแรงงานของไทยกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง โดยร่วมกันหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปในประเด็นสำคัญๆ ที่คั่งค้าง เพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับแรงงานให้ขยายผลอย่างต่อเนื่องและเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งให้ความสำคัญ 4 เรื่อง คือ 1.การเพิ่มศักยภาพของกำลังแรงงานในภูมิภาค โดยการยกระดับความรู้แรงงานสู่แรงงานคุณภาพ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และการอบรมฝีมือแรงงานเฉพาะทางเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

2.การโยกย้ายถิ่นฐานของแรงงาน จำเป็นต้องคำนึงถึงการจัดส่งและนำเข้าแรงงานที่ถูกกฎหมายและเป็นธรรม ถ้าทุกประเทศในลุ่มน้ำโขงทั้งประเทศ ผู้ส่งแรงงาน และประเทศผู้รับแรงงานร่วมกันกำกับดูแลในเรื่องนี้ จะเป็นแนวทางการป้องกันและขจัดการเกิดปัญหาการค้ามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.ความร่วมมือด้านแรงงานต้องครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่การศึกษา การแลกเปลี่ยนข้อมูล การบริหารจัดการแรงงาน การให้การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมไปถึงความร่วมมือด้านการจ้างงานให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจ และบันทึกข้อตกลง โดยไทยกำลังดำเนินการจัดทำร่วมกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงซึ่งมีผู้แทนเข้าร่วมการประชุมอยู่ด้วยในขณะนี้ และ 4.คาดหวังที่จะเห็นความต่อเนื่องทั้งการประชุมและความร่วมมือกันในทางปฏิบัติในทุกๆ ปี หรือทุกสองปีตามความเหมาะสม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งในด้านการเตรียมบุคลากรที่จะโยกย้ายถิ่นฐาน ขั้นตอนการดำเนินการที่สะดวกรวดเร็ว และทุกคนต้องได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายของประเทศคู่ภาคีทั้งสองประเทศ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของศักยภาพแรงงานก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตลอดจนกระบวนการรับแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานกลับคืนสู่ประเทศผู้ส่งแรงงาน ให้สามารถกลับเข้าทำงานและอยู่ร่วมกับสังคมของประเทศได้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทุกประเทศในลุ่มน้ำโขง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แรงงานที่จะเข้ามาทำงานต้องขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และต้องดูแลเรื่องความมั่นคงด้วย การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงต้องมีการตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน สอนภาษาเพื่อใช้ในการทำงาน โดยจะตั้งศูนย์แห่งแรกที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จ.ตาก เพื่อรองรับการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจที่มากขึ้น และวางมาตรการกำกับดูแลบริษัทจัดส่งและนำเข้าแรงงานให้เกิดความถูกต้องอย่างเข้มงวดรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานของแรงงานโดยผิดกฎหมาย ซึ่งต้องดำเนินการร่วมกันอย่างรวดเร็วและเกิดความต่อเนื่อง สิ่งที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น หากพบว่ากระทำผิดต้องถูกลงโทษและเอาผิดขั้นเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร และพร้อมจะเป็นมิตรประเทศร่วมมือกันพัฒนาต่อไป ซึ่งความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนานของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง และความจริงใจที่ประเทศมีให้กันจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ