กมธ.การเมืองชูแผนปฏิรูปการเมืองไทย 6 ด้านหวังสกัดทุจริต

ข่าวการเมือง Monday December 21, 2015 16:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธานกมธ. ซึ่งเสนอแผนการปฏิรูปการเมือง 6 ด้าน ได้แก่ 1.การได้มาซึ่งนักการเมืองที่ดี 2.การให้ได้มาซึ่งระบบการเมืองที่ดี 3.การมีการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม 4.การมีองค์กรตรวจสอบและมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ 5.การสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองที่ดี 6.การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองให้คนในชาติ

ทั้งนี้ นายวิทยา แก้วภราดัย กมธ.ปฏิรูปการเมือง ชี้แจงว่า ในส่วนการได้มาซึ่งนักการเมืองที่ดีนั้นจะกำหนดกลไกการตรวจสอบนักการเมืองให้เข้มข้น ตั้งแต่การรับสมัคร โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นต้องแสดงรายการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี ในการลงสมัคร การให้ยกเลิกส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะเป็นที่ซ่องสุมกลุ่มการเมือง นายทุนที่จ่ายค่าหัวให้นักเลือกตั้ง ไม่ตอบโจทย์การเป็นที่มาของคนดี มีความสามารถ

ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรี กมธ.มีความเห็นไม่ต่างจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) คือ ให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นส.ส.หรือไม่เป็นส.ส.ก็ได้ แต่กรณีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ใช่ส.ส.ต้องมีเสียงรับรองจากส.ส.ไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของสภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ กมธ.การเมือง กล่าวว่า ในส่วนการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมนั้น กมธ.เห็นว่าต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง รวดเร็ว เห็นผลจริง ได้แก่ การตัดสิทธิไม่ให้ลงเลือกตั้งตลอดชีวิต การกำหนดโทษทางอาญาที่รุนแรงตั้งแต่ 1-10 ปี ไม่มีอายุความ เพื่อให้คนเกิดความเกรงกลัว การให้หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบการทุจริตเลือกตั้งของผู้สมัครพรรค หากหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคทำผิดเอง จะถูกห้ามยุ่งเกี่ยวการเมืองตลอดชีวิตจริงๆ ไม่ใช่เป็นนอมินีชักใยอยู่เบื้องหลัง หากพบว่าอยู่เบื้องหลังการเมืองจะต้องโทษจำคุก 10 ปี

ส่วนการเลือกตั้งใหม่ด้วยเหตุทุจริตเลือกตั้ง ต้องให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้น รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยบังคับใช้กฎหมายได้จริง ซึ่งครั้งนี้ต้องทำให้ได้จริง แม้ล้มละลายก็ต้องทำ ส่วนกลุ่มทุนที่แจกเงินให้พรรคการเมือง โดยไม่ถูกต้อง จะมีโทษจำคุก 1-10 ปี และมีโทษปรับไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งกมธ.อยากให้มาตรการเหล่านี้สัมฤทธิ์ผลก่อนการเลือกตั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ