นายกฯ ห่วงสถานการณ์บ้านเมือง เน้นแก้ปัญหาสู่ความยั่งยืน ป้องกันกลับสู่วังวนเดิม

ข่าวการเมือง Tuesday January 5, 2016 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เป็นห่วงสถานการณ์ของบ้านเมือง หลายภาคส่วนวิเคราะห์กันว่าปีนี้น่าจะค่อนข้างหนักหนาสาหัสพอสมควร แต่คณะรัฐมนตรีคิดว่าเรื่องที่สังคมคิดว่าหนักหนาสาหัสจะสามารถผ่านไปได้ถ้าประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลแบบเปิดใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่พยายามจะให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ลองรับฟังข้อมูล ลองวิเคราะห์ ลองชั่งใจ ลองรับฟังข้อมูล ดูด้วยเหตุและผล ลองฟังทุกๆด้าน ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ที่รัฐบาลให้ปัญหาเกิดอะไรขึ้น เราทำอะไรไปบ้าง สำเร็จถึงขั้นไหน ทั้งหมดนี้จะทำให้เราผ่านพ้นปัญหาที่สังคมมองว่าหนักหนาสาหัสไปได้
"ปัจจุบันรัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะสื่อสาร 2 ทางว่าเราแก้ปัญหาอะไร จากสาเหตุอะไร และเราทำอะไรไปบ้าง ขณะเดียวกันก็รับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกตจากภาคประชาชนเช่นเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าทุกๆอย่างจะเป็นเรื่องที่ออกจากรัฐบาล และกำหนดให้ประเทศชาติเดินไปตามที่รัฐบาลต้องการ ท่านนายกฯ เน้นย้ำว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงสื่อสาร 2 ทาง เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าเราจะต้องช่วยกันทั้งในส่วนของรัฐบาลและความคิดเห็นของประชาชนบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง"พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ถ้าได้ติดตามจะพบว่าหลายกลุ่มให้ข้อคิดเห็นกันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง การเข้าสู่อำนาจ การเลือกตั้ง การถ่วงดุล การตรวจสอบ ซึ่งท่านนายกฯไม่ได้ปฏิเสธเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ก็ต้องการประชาธิปไตยเหมือนประเทศอื่น และเรื่องของการเมือง การเข้าสู่อำนาจ การตรวจสอบ การถ่วงดุล เป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นไปได้ มันจะต้องประกอบด้วยเรื่องอื่น เช่น ปัญหาสำคัญของชาติที่หมักหมมมานานเกิดจากอะไร เช่น การเอาเงินอนาคตมาใช้จากนโยบายประชานิยมของกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น เราอยากให้ปัญหาแบบนี้กลับมาหรือไม่ ถ้าไม่อยากเราจะต้องแก้ไขแบบใหม่เพื่อให้เกิดความยั่งยืน

"นายกฯ ได้ยกตัวอย่างเช่น เช่น เรื่องยาง ยางราคาตก 3 กิโลกรัม 100 บาท นี่คือสิ่งที่รัฐบาลพยายามเน้นย้ำมาตลอดว่าเมื่อยางมีล้นตลาด น้ำมันมีราคาต่ำ ทำให้การผลิตยางสังเคราะห์มีต่ำลง และเป็นสินค้าที่มาแข่งกับยางดิบ เราจึงพยายามให้เงินกับพี่น้องประชาชนเพื่อสร้างอาชีพเสริม สร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเองและชุมชน เช่น การปลูกพืชชนิดอื่น เสริมการปลูกยาง การเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้มีรายได้เสริมจากอย่างอื่น ไม่ต้องฝากชีวิตไว้กับยางเพียงอย่างเดียว แต่หากพี่น้องเกษตรกรมองว่าไม่ถูกต้องจะต้องทำให้ราคายางสูงให้ได้ซึ่งมันไม่ถูกต้อง มันก็เหมือนกับการแก้ปัญหาระยะสั้น แล้วก็จะเจอปัญหาเหมือนที่ผ่านมา เพราะเราต้องไปเอาเงินในอนาคตมาใช้ แล้วก็เป็นเงินที่จ่ายลงไปแล้วแม้ว่าจะมีการหมุนเวียนใช้ในระบบเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้เป็นการสร้างอาชีพเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ประเด็นของการใช้จ่ายเงินในการลงทุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเรื่องอื่นมีเยอะ 30 บาทรักษาทุกโรคท่านนายกฯก็ยืนยันว่าจะต้องดำเนินการต่อไป ทั้งหลายเหล่านี้คือค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น แต่ถ้าเราเอาเงินเหล่านี้มาลงทุนกับการชดเชยราคาสินค้าเกษตร เราคงไปไหนไม่รอด คงวนเวียนอยู่ในวังวนปัญหาเดิม ท่านจึงบอกว่าอย่าให้การเมืองมากำหนดอนาคตของประเทศไทยทั้งหมด จะต้องประกอบด้วยการแก้ปัญหาสำคัญของชาติแบบยั่งยืนคู่ไปด้วย"

"วันนี้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจในรัฐบาล อาจจะต้องเสริมด้วยการอธิบายความกันมากขึ้นก็ต้องทำ แต่กลุ่มการเมืองอีกบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ จะด้วยไม่เข้าใจจริงๆ หรือตั้งใจที่จะไม่เข้าใจก็แล้วแต่ สังคมต้องร่วมกันกดดันเพื่อให้เราผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปได้ ถ้าเราไม่ทำ หมายความว่าประเทศเราจะต้องขึ้นอยู่กับวังวนให้การเมืองมากำหนดอนาคตประเทศเพียงอย่างเดียว"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ