รองโฆษกฯ กล่าวว่า ในห้วงเวลาดังกล่าวได้บังคับใช้กฎหมายด้วยการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดและได้ปะทะกับผู้ก่อเหตุรุนแรง 1 ครั้ง ควบคุมตัวผู้ต้องหา 40 ราย (มีหมาย ป.วิ ฯ อาญา 14 ราย) ตรวจยึดอาวุธปืนของทางราชการที่ ถูกปล้นคืนกลับมา 10 กระบอก (ปลย.เอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก ปลย.เอเค 47 จำนวน 3 กระบอก และ ปลย.เอเค 102 จำนวน 1 กระบอก) รวมทั้งเครื่องกระสุนและยุทโธปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ นอกจากนี้ยังได้ทำลายความพยายามในการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องตามพื้นที่ เส้นทางต่างๆ รวม 24 ครั้ง โดยแยกเป็นการตรวจพบ และกลบหลุมระเบิด 3 ครั้ง และการทำลายวัตถุระเบิด 9 ครั้ง
สำหรับการขับเคลื่อนโครงการพาคนกลับบ้านเพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีหมาย พ.ร.ก.ฯ ป.วิ ฯ อาญา และบุคคลต้องสงสัย ได้ออกมารายงานตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผลการปฏิบัติในรอบ 3 เดือนดังกล่าวมีผู้ออกมารายงานตัวแสดงตนแล้ว จำนวน 1,139 คน โดยแบ่งออกเป็นผู้ที่มีหมาย พ.ร.ก.ฯ จำนวน 439 คน ผู้ที่มีหมาย ป.วิ ฯ อาญา จำนวน 688 คน และผู้ที่ไม่มีหมายหรือหวาดระแวง จำนวน 12 คน
พ.อ.ยุทธนาม กล่าวว่า การพูดคุยสันติสุขในการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งอย่างสันติวิธี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความเห็นต่างจากรัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาตามแนวทางในระบอบประชาธิปไตย ภายใต้กฎหมายของประเทศ ได้ทำการขับเคลื่อนทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติในพื้นที่ ด้วยการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่างจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคประชาชน
นอกจากนี้ยังได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มผู้ที่มีความเห็นต่างจากรัฐ เพื่อสร้างความไว้วางใจในการร่วมกันแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง และอำนวยความสะดวกในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตามโครงการพาคนกลับบ้าน ทำให้สามารถสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มผู้ที่มีความเห็นต่าง ได้เข้ารายงานตัวแสดงตนเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายแล้วมีจำนวน 3,135 คน