อนุกรรมการ ป.ป.ช.สั่งอายัดเงิน 1.87 พันลบ.หลังพบสัญญาซื้อขายข้าวไม่ใช่จีทูจี,ให้ไต่สวน 33 ผู้เกี่ยวข้อง

ข่าวการเมือง Friday May 13, 2016 18:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามและการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.แถลงความคืบหน้าการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กรณีเห็นชอบการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ

คณะอนุกรรมการไต่สวน มีคำสั่งให้กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการเก็บ รักษาเงินจำนวน 1,878,219,993.35 บาท ซึ่งเป็นแคชเชียร์เช็คที่นำมาชำระค่าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวในชื่อของบริษัทฯ ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าว จำนวน 3 บริษัท จาก 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd.บริษัท Hainan Province land Reclamation Industrial Development และบริษัท Hainan land Reclamation Commerce and Trade Group Co., Ltd. แต่ยังไม่ได้รับมอบข้าว

เนื่องจากคณะอนุกรรมการพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญที่จะพิสูจน์ความผิดและเป็นพยานหลักฐานที่จะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ ตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และเป็นทรัพย์สิน ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งการไต่สวนข้อเท็จจริง และอาศัยอำนาจตามความ ในมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ประกอบมาตรา 132 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ยึดและอายัดเงินจำนวนนี้ไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

และเนื่องจากสัญญาที่ผู้ถูกกล่าวหาทำกับรัฐวิสาหกิจจีนไม่ใช่สัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐและเงินจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ย่อมไม่สามารถที่จะดำเนินการส่งมอบข้าวตามจำนวนเงินดังกล่าวได้

พร้อมนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวน ได้เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติสั่งไต่สวนผู้ถูกกล่าวหา เพิ่มเติม ตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการไต่สวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2555 ข้อ 35 จำนวน 33 ราย ได้แก่ บุคคลที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ รวมถึงผู้มอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วง จำนวน 18 ราย และ บุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการชำระเงินค่าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐจำนวน 15 ราย อาทิ ผู้ขอซื้อแคชเชียร์เช็ค เจ้าของบัญชีที่นำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค ผู้แทนนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีที่นำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค รวมถึงประธาน หรือเจ้าของ หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด

ทั้งนี้ เนื่องจากในชั้นนี้ ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนได้ความว่าสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ผู้ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายจะต้องเป็นรัฐบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลเท่านั้น และหากเป็นการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า China National Cereals, Oil, and Food stuffs Corporation หรือ COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น

ดังนั้น สัญญาซื้อขายข้าวที่ทำขึ้นกับรัฐวิสาหกิจจีนทั้งสี่แห่ง ได้แก่ บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd. บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd. บริษัท Hainan Province Land ReclamationIndustrial Development and Construction General Corporation และบริษัท Hainan land Reclamation Commerce and Trade Group Co., Ltd. จึงไม่ใช่สัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ