พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุการยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ไม่ให้นักการเมืองเดินทางออกนอกประเทศ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการถูกกดดันใดๆ หรือเกี่ยวกับเรื่องการทำประชามติ แต่เห็นว่าสิ่งที่มีได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลายาวนานแล้วจึงพิจารณาผ่อนปรนให้ แต่ไม่มีใครสามารถมากำหนดกฏเกณฑ์ของประเทศไทยได้
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ยังไม่มีการพิจารณาผ่อนปรนให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ โดยขอดูสถานการณ์ก่อนว่าในช่วงใกล้วันลงประชามติจะมีการผ่อนปรนให้ได้หรือไม่ แต่ยังไม่ให้รายละเอียดในขณะนี้ เพราะหากเกิดความวุ่นวายก็ไม่สามารถทำประชามติได้ก็จะถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอีก ซึ่งจากการข่าวและโซเซียลมีเดียยังพบว่ามีกลุ่มการเมืองยังคงเคลื่อนไหวอยู่ ดังนั้นสื่อมวลชนต้องกลับไปถามฝ่ายการเมืองว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และรัฐบาลทำทุกอย่างให้เกิดความเรียบร้อยเดินหน้าตามโรดแมป แต่หากมีฝ่ายที่ต้องการล้มทุกอย่าง ทุกคนก็ต้องพิจารณาเอง
"ถ้าวันนี้ผมมองเขาเป็นศัตรู ผมก็ลงโทษเขาหมดแล้ว ผมไม่ให้เขาเคลื่อนไหวขนาดนี้หรอก แต่เขาก็ไม่ได้เห็นในสิ่งดีๆ ที่ผมทำให้กับเขา เขายืนยันสิ่งที่ทำมาโดยตลอดว่าถูกต้อง โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงข้อกฎหมาย การบริหารจัดการที่ถูกต้อง ในฐานะเป็นผู้บริหาร ผมก็ทำให้ถูกต้อง แค่ทำให้ถูกยังไม่ยอมเลยแล้วจะยังไงต่อไป แล้วจะเกิดขึ้นเยอะกว่าเดิมหรือไม่ในรัฐบาลต่อไป จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เรื่องที่รื้อๆ ออกมาทั้งหมดจะหยุดหมดหรือไม่ น่าห่วงตรงนั้นมากกว่า ผมห่วงแบบนั้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่จะมีนักการเมืองต้องคดีเกี่ยวกับความทุจริตหลบหนีไปต่างประเทศนั้น ตนเองไม่สามารถห้ามได้ ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อไม่ให้เดินทางออกต่างประเทศก็จะมาเรียกร้อง และที่สำคัญตนเองไม่อนุญาตให้ใครหลบหนี แต่ให้เสรีภาพในการเดินทาง เช่น การให้เหตุผลว่าต้องไปพบญาติที่ต่างประเทศ และหากหลบหนีจริงก็ต้องใช้กลไกทางกฏหมาย เช่น อินเตอร์โพล (องค์กรตำรวจสากล) และหากมีกรณีออกนอกประเทศแล้วไปแสดงความเห็นต่อประเด็นการเมืองในเวทีต่างประเทศจะมีการดำเนินการอะไรพิเศษหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงต้องพิจารณา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในทุกๆ เรื่องคนไทยทุกคนต้องรับผิดชอบ เพราะตนเองกำลังทำเพื่อประเทศ การแก้ปัญหาของประเทศต้องมองว่า ขณะนี้ทุกคนมีความพร้อมในทุกมิติหรือไม่ ทั้งความคิด การมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ จิตสำนึก เพราะหากทุกคนไม่มีความพร้อม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้จะเขียนกฎหมายหรือปฏิวัติอีก 100 ครั้งก็จะเป็นเช่นเดิม