นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความ มาตรา 61 วรรค 2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 ว่า ส่วนตัวแล้วไม่กังวลต่อเรื่องดังกล่าว หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มาตรา 61 วรรค 2 ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ให้แก้ไขเฉพาะข้อความที่ศาลวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร อาจจะใช้วิธีการตัดออก หรือใช้วิธีการปรับปรุงแก้ไขให้มีความชัดเจนมากขึ้น
ส่วนกระบวนการแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และส่งต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกา จากนั้นก็จะส่งมาที่ประชุม สนช.เพื่อเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติทั่วไป
รองประธาน สนช. ยังกล่าวถึงกรณีที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ 7 ส.ค.ว่า เป็นหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้วที่ต้องช่วยกันดูแลเรื่องการทำประชามติให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส เพราะเป็นเจตนารมณ์ของทุกฝ่ายที่จะดำเนินการ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ก็มีเจตนารมณ์เช่นเดียวกันในการทำให้การลงประชามติเป็นไปด้วยความโปร่งใส
"หากทุกคนมีเป้าหมายตรงกันที่ต้องการให้กระบวนการประชาธิปไตยเป็นกระบวนการหาทางออกให้กับประเทศ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นคำถามเพิ่มเติมของ ซึ่ง สนช.ก็ต้องช่วยกันให้กระบวนการดังกล่าวลุล่วงไปด้วยความสงบเรียบร้อย ดังนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวบุคคล กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือกำกับตัวบุคลเท่านั้น"