นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมาตรา 61 วรรคสองของพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่ว่า ศาลจะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 7 ส.ค.หรือไม่นั้น ไม่มีใครตอบได้ หรือเร่งรัดใครได้ ควรให้เวลาศาลพิจารณาอย่างเพียงพอ และยืนยันอีกครั้งว่า กกต.ไม่มีอำนาจเลื่อนวันออกเสียงประชามติได้ แต่สามารถขยับให้อยู่ให้อยู่กรอบ 120 วัน ซึ่งขยับไปอีกได้แค่ 4 วัน และจะทำให้การลงมติจะไม่ตรงกับวันหยุด ยกเว้นจะแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวจึงจะเลื่อนได้
ในขณะนี้คงต้องรอศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง ถ้าศาลรับไว้พิจารณาก็ต้องดูว่าจะเรียกให้ใครไปชี้แจง ซึ่งอาจจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง เช่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และทราบว่า สนช.ได้มอบหมายบุคคลที่จะเข้าชี้แจงไว้แล้ว และหากศาลขอให้ กกต.เข้าไปชี้แจงด้วย ก็คงต้องส่งตัวแทนที่มีความเข้าใจได้ดีที่สุดเป็นผู้ไปชี้แจง
และถ้าศาลวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราว ฝ่ายที่มีบทบาทในการยกร่างฯ จะต้องเป็นผู้เสนอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติใหม่ โดยอาจจะให้รัฐบาล สนช. หรือ กกต.เป็นผู้ยกร่างฯ แก้ไข หรือจะตัดเอาวรรคดังกล่าวออก รวมถึงอาจเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแล้วส่งให้ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นก็ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้ต่อไป ขณะเดียวกัน กกต.จะมาดูว่าระเบียบหรือประกาศของกกต.ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติหรือไม่ ถ้าขัดแย้งก็จะแก้ไขให้สอดคล้อง
ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติ ยุติการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน คงไม่สามารถทำได้ ตราบใดที่กฎหมายบังคับใช้อยู่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะถูกร้องฟ้องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้