โฆษกรัฐบาลยันคุมตัวแกนนำม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเหตุละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมฯ

ข่าวการเมือง Saturday February 18, 2017 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวแกนนำผู้ชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินบริเวณทำเนียบรัฐบาล จำนวน 3 คน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะแม้เจ้าหน้าที่จะพูดคุยเพื่อเจรจาให้ยุติการชุมนุมหรือให้ไปชุมนุมในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายตั้งแต่เมื่อวานนี้แต่ไม่เป็นผล ผู้ชุมนุมกลับใช้กำลังกดดันเจ้าหน้าที่และแสดงเจตจำนงที่จะปักหลักชุมนุม พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมเพิ่มเติมด้วย

"พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มีรายละเอียดที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ผู้ที่ประสงค์จะชุมนุมต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างไร และทำเนียบรัฐบาลก็เป็นพื้นที่ต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่สำหรับการชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ศาลแพ่งได้นัดไต่สวนผู้จัดการชุมนุม ตามที่เจ้าหน้าที่ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ยุติการชุมนุม เพราะมีการทำผิดเงื่อนไข" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลอยากให้สังคมมองภาพใหญ่ของประเทศหรืออนาคตของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ โดยอย่ามองเรื่องการคัดค้านเพียงอย่างเดียว เพราะมีประชาชนอีกไม่น้อยที่เห็นด้วยกับการสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและป้องกันปัญหาไฟฟ้าดับ โดยขอยืนยันว่าการขนส่งถ่านหินจะไม่กระทบเส้นทางเดินเรือประมงและการท่องเที่ยว และยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากลเพื่อป้องกันมลพิษสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี

ส่วนข้อเสนอให้ใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้าแทนโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น กระทรวงพลังงานยืนยันว่า ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันปาล์มสูงถึง 8.42 บาทต่อหน่วย เมื่อเทียบกับน้ำมันเตาที่ปัจจุบันโรงไฟฟ้ากระบี่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักอยู่ 3.78 บาทต่อหน่วย หรือน้ำมันปาล์มแพงกว่าน้ำมันเตาถึง 4.64 บาทต่อหน่วย ดังนั้นหากใช้น้ำมันปาล์มเดินเครื่องโรงไฟฟ้ากระบี่เต็มกำลังการผลิตจะผลิตไฟฟ้าได้ 2,400 ล้านหน่วยต่อปี แต่จะทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นประมาณ 11,000 ล้านบาทต่อปีเช่นกัน

โดยปัจจุบันมีเพียงโรงไฟฟ้ากระบี่เท่านั้นที่ใช้น้ำมันเตาผสมกับน้ำมันปาล์มในการผลิตไฟฟ้าได้ แต่ยังไม่สามารถนำน้ำมันปาล์มเพียงอย่างเดียวเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้โดยตรง การใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้าจึงควรเป็นมาตรการชั่วคราว เช่น กรณีวิกฤตไฟฟ้าจากการปิดซ่อมท่อก๊าซธรรมชาติ หรือช่วงที่ภาคใต้ขาดแคลนไฟฟ้าฉุกเฉินเท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ