ที่ประชุมป.ย.ป.เห็นชอบร่างสัญญาประชาคม เตรียมสร้างการรับรู้ให้ปชช.-นายกฯ เตือนอย่าปลุกระดมมวลชน

ข่าวการเมือง Monday July 24, 2017 18:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กล่าวว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบร่างสัญญาประชาคม ภายหลังผ่านเวทีรับฟังความคิดเห็น 4 ภาคแล้ว โดยในวันศุกร์นี้กระทรวงกลาโหมจะประกาศร่างสัญญาดังกล่าว และเตรียมลงไปสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้นำไปขับเคลื่อนแผนงานได้ทันที และปลดล็อคกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ทราบกรอบเวลาในการออกไปสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยรายละเอียดต้องสอบถามจากปลัดกระทรวงกลาโหมที่รับผิดชอบโดยตรง

แต่รายละเอียดทั้งหมดคงต้องพิจารณาถึงงานพระราชพิธีสำคัญในช่วงเดือนตุลาคมและมีงานใหญ่ในเดือนธันวาคม ซึ่งต้องพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสม

นายสุวิทย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าการปฎิรูปจะต้องสามารถเริ่มได้ทันที หากเห็นว่าเรื่องใดสามารถผลักดันได้ เช่น การปฎิรูปตำรวจ เป็นต้น

ขณะที่การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 มิติจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาทั้ง 6 ภูมิภาค ลงไปสู่ระดับกลุ่มจังหวัด และต้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์กระทรวงและการปฎิรูปทั้ง 11 ด้าน ส่วนกรอบการทำงานของ ป.ย.ป ชุดใหญ่นั้น หลังจาก พ.ร.บ.ว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติและการปฎิรูป จะมีผลในวันที่ 1 ส.ค.นี้ จึงมีขั้นตอนของการเตรียมการตั้งคณะกรรมการปฎิรูป 11 ด้าน และมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติอีก 1 คณะ ซึ่งระหว่างเดือน ก.ย.60-เม.ย.61 คณะกรรมการทั้ง 2 คณะ จะต้องไปจัดทำแผนปฎิรูปประเทศที่จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ค.61 ก่อนที่จะมีการประกาศยุทธศาสตร์ชาติ ประมาณเดือน ก.ย.61

อย่างไรก็ตาม ป.ย.ป.ยังจำเป็นจะต้องทำหน้าที่ขับเคลื่อน ทั้งงานการปฎิรูป ยุทธศาสตร์ชาติ และการขับเคลื่อนการสร้างความปรองดองต่อไป จนกว่าจะมีแผนการปฎิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ หรือนายกรัฐมนตรีจะมีการเปลี่ยนแปลง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการป.ย.ป.ว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมร่วมกันครั้งที่ 2 ของ ป.ย.ป.ชุดใหญ่ ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการเตรียมการปฎิรูปประเทศ จะทำงานไปอีกประมาณ 10-14 เดือน หรือจะสิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2561

โดยย้ำในที่ประชุมว่า ได้มีการวางกรอบการทำงานด้านต่างๆ ไว้หมดแล้ว ทั้งในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ และการปฎิรูปประเทศ ซึ่งทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ต้องมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัย เพิ่มเติมกฎหมายที่จำเป็น โดยจะคำนึงถึงคนที่มีกฎหมายให้ส่วนราชการใช้บังคับเพียงอย่างเดียว เพราะต้องดูว่าประชาชนจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร ด้วยการสร้างรับรู้ และเกิดการเรียนรู้กฎหมาย เพื่อให้เกิดการบังคับใช้โดยได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างบูรณา ทำให้เกิดการทำงานร่วมกัน ทั้งในส่วนของการวางแผนพัฒนาคน แผนพัฒนางบประมาณ และแผนพัฒนาโครงการ เพื่อประสิทธิภาพ ในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ เช่นการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้มีการศึกษาข้อมูลเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในระดับชุมชน หมู่บ้าน ในห้วงเวลาการทำงานของรัฐบาลที่เหลืออยู่ แม้ที่ผ่านมาตลอด 3 ปี รัฐบาลได้เดินหน้าโครงการไปเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ครอบคลุมในบางพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาในระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงการจัดระเบียบพื้นที่ให้สอดคล้องกับการประกอบอาชีพค้าขายของประชาชน ซึ่งทั้งหมดก็จะสอดคล้องแผนการลงพื้นที่ ประชุม ครม.สัญจร และการลงพื้นที่ตรวจการบ้าน หรือติดตามงานของรัฐบาลนับจากนี้ โดยจะเป็นการรับฟังความต้องการของประชาชนในทุกพื้นที่ ไม่มีเลือกปฎิบัติในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ ซึ่งจะต้องเป็นแนวทางการทำงานของรัฐบาลในอนาคต ส่วนประชาชน จะเลือกรัฐบาลไหนเข้ามาก็แล้วแต่ที่จะตัดสินใจ ทั้งนี้ยังมองว่า ที่ผ่านมาประเทศเสียเวลากับเรื่องของความขัดแย้ง และความไม่เข้าใจ และการที่ไม่มีคนเคารพกฎหมาย ต่อต้านทุกอย่าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญ จึงฝากเตือนไปยังผู้ที่กำลังปลุกระดมมวลชนเพื่อเคลื่อนไหวในกรณีต่างๆ ขณะนี้ว่าอยากให้พิจารณาดูว่า หากมีการระดมมวลชนออกมาเคลื่อนไหว ประเทศจะเกิดความเสียหายหรือไม่ ประชาชนทั้งประเทศรับได้หรือไม่ เพราะการกระทำดังกล่าวส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ทำให้กฎหมายเสียหาย ดังนั้นฝากถึงผู้ที่ปลุกระดมมวลชนอยู่ในขณะนี้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งหากไม่ถูกดำเนินคดีขณะนี้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ