(เพิ่มเติม) นายกฯ แจงทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อวางแนวทางปฎิรูปประเทศให้รัฐบาลใหม่ขับเคลื่อน ปัดสืบทอดอำนาจ

ข่าวการเมือง Monday July 31, 2017 15:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวขอบคุณสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในโอกาสรับมอบวาระงานปฏิรูปว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการไปนั้นเป็นการปฏิรูปโครงสร้าง หากไม่ดำเนินการให้มีโครงสร้างเกิดขึ้นก็จะพัฒนาอะไรไม่ได้ และถือเป็นการวางรากฐานให้ประเทศแข็งแรง และทัดเทียมกับนานาประเทศ

พร้อมย้ำถึงเหตุผลการเข้ามาบริหารประเทศเพราะเกิดวิกฤต ทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง เกิดความแตกแยกในสังคม ปัญหาทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ ปัญหาความเลื่อมล้ำในสังคม ดังนั้นการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ได้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และรัฐบาลได้ทำงานอย่างอดทน อดกลั้น เพื่อให้ประเทศเกิดความแข็งแกร่งขึ้น

ทั้งนี้รัฐบาลมุ่งหวังที่จะปฏิรูปประเทศให้เท่าทันนานาชาติ โดยได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเอาไว้เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางให้การพัฒนาประเทศเกิดความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก ไม่หลงทาง ไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้บีบบังคับพรรคการเมืองให้ต้องทำตามอย่างที่กล่าวหา เพียงแต่ให้รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ต้องสานต่อแนวทางการพัฒนาประเทศไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนดไว้ แต่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้โดยความเห็นชอบของรัฐสภา

"ยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้เข้าไปควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลต่อๆ ไป แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์เพื่อหวังให้รัฐบาบต่อไป ได้ทำงานตรงตามแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 ส่วนเรื่องนโยบายของแต่ละพรรคที่จะใช้หาเสียงก็เป็นแนวคิดของแต่ละพรรค แต่อยากให้ประชาชนคำนึงด้วยว่า หากจะเลือกตั้งควรจะมองว่าพรรคการเมืองเหล่านั้น ได้มีการวางนโยบายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 หรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ขณะที่พรรคการเมืองยังสามารถทำงานอื่นๆ ตามนโยบายของตัวเองได้ ส่วนการปฏิรูปประเทศนั้นเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งสองอย่างต้องดำเนินการไว้พร้อมกัน โดยมีระบบควบคุม คือการออกกฎหมายต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้า เป็นเครื่องจักร เครื่องกล ที่แข็งแรง เป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้ โดยการวางแนวทางทั้งหมด เพื่อไปสู่การปฎิรูปหรือรีฟอร์มที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ

"ยุทธศาสตร์ชาติเป็นการกำหนดเป้าหมายอนาคต เป็นเข็มทิศนำทาง ไม่ให้ตกหลุมตกร่อง การปฏิรูปเปรียบเสมือนการจูนเครื่องยนต์ให้มันดี เป็นการใส่เทอร์โบเข้าไป ให้สามารถไปให้เร็ว ขณะเดียวกันต้องบำรุงรักษา ปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด ซึ่งก็คือเรื่องของการทุจริต และเรื่องระบบบริหารราชการ ต้องแก้ไขไม้ให้หยุดชะงักระหว่างทาง ไม่ให้เสียบนสะพาน วันนี้เราอยู่บนสะพาน ที่ คสช.สร้างไว้ ข้ามลำน้ำที่เชี่ยวกราก ต้องมีสะพาน เรากำลังทำสะพานให้เขาข้ามอยู่ แต่หากท้ายสุดเราจะตกสะพานไปเอง ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อเสร็จแล้ว สะพานก็ถูกทุบทิ้งอยู่ดี แต่ไม่เป็นไร ว่ายน้ำให้เป็นแล้วกัน ผมไม่กลัว เพราะผมว่าน้ำเป็น ต้องดูแลตัวเอง แต่เอาประเทศมาก่อนเสมอ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาคดีของศาลนั้น ตนเองไม่เคยกล่าวหาว่าใครมีความผิด ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐานและขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล รัฐบาลทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับองค์กรอิสระในการทำงาน

"ตัดสินอย่างไรไปว่าตามศาล แต่ตอนนี้คนไทยชอบตัดสินไปเอง เมื่อเช้าก็ดูข่าวทีวีช่องหนึ่ง ในเว็บ ในเฟซบุ๊ก ตัดสินเองไปหมด ผมก็ปวดหัว แต่ต้องกลับมาถ่ายทอดให้กับรัฐมนตรี รัฐมนตรีก็ปวดหัวไปด้วย บางครั้งรัฐมนตรีก็รับไม่ไหว บอกกับผมว่า อย่าฟังทุกเรื่อง แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ ปลุกระดมได้ทั้งสิ้น เขาไปปลุกระดมข้างล่าง ต้องให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบ ผมอ่านติดตามทุกฉบับ ถ้าสร้างประโยชน์ ผมก็นำมาปฏิบัติ ถ้าไม่สร้างประโยชน์ผมก็เฉยๆ แต่ก็โมโห เพราะไม่รู้ว่าจะมีเจตนาบิดเบือนหรือไม่ แต่ก็ทำให้การทำงานมีปัญหาไปหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้จ่ายงบประมาณ ว่า รัฐบาลเน้นการกระจายรายได้ไปในทุกพื้นที่ แต่ก็ต้องมีแผนงานที่จะลงทุนเพื่ออนาคต ยืนยันว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อน

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการตั้งคณะกรรมการ ตามกรอบ พ.ร.บ.ปฎิรูปประเทศ และพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการมาทำงาน จะไม่มีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง เพราะตนเองจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตนเอง พร้อมกันนี้ ขอให้คณะกรรมการ ที่จะเข้ามาสานต่องานอีกครึ่งหนึ่งในวันนี้ ทำงานให้สำเร็จลุล่วง ให้การปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติเสร็จสมบูรณ์และให้ถือเป็นผลงานประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจร่วมกัน ตนจึงอยากให้กำลังใจทุกคนในการทำงาน เพื่อเดินหน้าประเทศ และ ขอให้ทุกคนให้กำลังใจตนเองและคณะรัฐมนตรีด้วย

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนปรบมือให้กำลังทุกฝ่าย ที่ร่วมทำงานกันมาอย่างเต็มที่ ซึ่งตนพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกคน แม้จะไม่อยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว และขอให้ทุกคนช่วยปฎิรูปทั้งการศึกษา สาธารณสุข และลดความขัดแย้ง ใช้สติในการติดตามข่าวสารผ่านสื่อโซเซียล และย้ำว่าส่วนตัวพร้อมสู้ เพราะตนไม่คิดว่าจะทำอะไรผิด

"ผมก็โดนเยอะ แต่ผมสู้ได้ ผมไม่คิดว่าผมจะทำอะไรผิด ผิดอยู่แค่วันเดียว คือวันที่ 22 พฤษภาคม" นายกฯ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ