นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กรณีสังคมโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีนายแบบรายหนึ่งที่ได้รับบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย แต่กลับมีการใช้ชีวิตประจำวันที่ค่อนข้างหรูหรานั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกเพิ่มเติม เนื่องจากตอนแรกบุคคลดังกล่าวได้แจ้งข้อมูลเพื่อขอรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ทั้งนี้จะต้องมีการตรวจสอบใหม่ว่าข้อมูลต่างๆ ที่ให้ไว้กับภาครัฐนั้นเป็นข้อมูลเท็จหรือไม่ ซึ่งหากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าผิดเงื่อนไขก็จะต้องถูกตัดสิทธิ์การใช้บัตรดังกล่าว และกรณีนี้จะถือว่ามีความผิดทางอาญา เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อทางราชการด้วย
"เราจะต้องไปตรวจสอบในเชิงลึก ต้องเช็คข้อมูลเรื่องรายได้ การจ่ายภาษี เงินฝากในบัญชีธนาคาร ซึ่งตอนที่ตรวจตอนแรกข้อมูลของเขาก็เข้าเกณฑ์ แต่เมื่อเป็นแบบนี้หากมีการตรวจสอบใหม่แล้วพบว่าไม่เข้าเกณฑ์ ก็จะต้องทำตามขั้นตอนต่อไปคือการระงับสิทธิการใช้บัตร แต่ตอนนี้ขอพิสูจน์ให้ได้ก่อน" นายสุวิชญ กล่าว
พร้อมระบุว่า หาก สศค.ตรวจสอบและพบว่าบุคคลดังกล่าวให้ข้อมูลเป็นเท็จกับส่วนราชการก็จะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเรียกบุคคลดังกล่าวมาชี้แจง ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นความผิดอาญาและมีโทษจำคุก ขณะเดียวกันก็จะมีคำสั่งศาล เพื่อสั่งให้บุคคลดังกล่าวชดใช้ค่าเสียหายที่ได้รับสิทธิจากบัตรไปก่อนหน้านี้คืนให้กับรัฐด้วย
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีก สศค.จะเร่งพิจารณาเพิ่มเติมเงื่อนไขพิเศษกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถระงับสิทธิ์การใช้บัตรได้ทันที หากพบว่าผู้ถือบัตรมีพฤติกรรมที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ เพราะการยึดบัตรคืนเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งใช้กระบวนการล่าช้า โดยคาดว่าเงื่อนไขพิเศษที่จะเพิ่มเติมเข้ามานั้นจะมีข้อสรุปได้ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดี สศค.ได้ตรวจสอบผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งพบว่ามีผู้ไม่ผ่านเกณฑ์กว่า 2 ล้านราย แต่ได้เปิดให้ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์เข้ายื่นอุทธรณ์ 258,067 ราย และในจำนวนนี้สามารถอุทธรณ์ผ่านจนได้รับสิทธิ์ให้มีบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยแล้ว 9,300 ราย