นายกฯ เป็นประธานสัมมนานักบริหารระดับสูง ย้ำขรก.ต้องมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ/ยันไม่มีใบสั่งเลื่อนเลือกตั้ง

ข่าวการเมือง Monday January 22, 2018 11:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานงานสัมมนานักบริหารระดับสูงเพื่อบูรณาการการพัฒนาประเทศไทย 4.0 โดยนายกรัฐมนตรีได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ผู้บริหารส่วนราชการกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ : One country One Team"ว่า การสัมมนาวันนี้เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนจะมาร่วมพัฒนาประเทศ ในช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ ไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน หรือ ประชาธิปไตยไทยนิยม ที่ตนเองให้คำจำกัดความว่า ประเทศไทยมีอัตลักษณ์ที่แตกต่าง ไทยนิยมคือ นิยมทำความดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์โดยไม่ทิ้งหลักการ มีความเก่ง และความงาม โดยไม่ทิ้งหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากล ดังนั้น จึงอยากให้ข้าราชการทุกคน พยายามทำงานอย่างอดทน ตามหน้าที่ พยายามทำความเข้าใจและเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ น้อมนำศาสตร์พระราชา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ควบคู่กับการทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

"จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงประเทศ ไม่ใช่แค่ความมั่นคงด้านโซเซียลเพียงอย่างเดียว เพราะประเทศมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 พันกิโลเมตร การมียุทโธปกรณ์ ก็เพื่อป้องการการรุกรานประเทศ ไม่ใช่เอาไว้ทำสงคราม"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ในปี 2579 ตั้งเป้าทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักความยากจนทุกด้าน โดยยึดหลักไทยนิยมประชารัฐยั่งยืน เพื่อลดความขัดแย้งในสังคม และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการนำประเทศสู่การพัฒนาตามแผนปฎิรูป ที่สำคัญขอให้ข้าราชการภูมิใจในการทำหน้าที่ และทำให้ดี ไม่ให้ผู้บังคับบัญชาเสียหายไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยวิ่งเต้นตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ยืนยันทำงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และผู้บังคับบัญชา ต้องสร้างศรัทธาให้เกิดผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำกับข้าราชการว่า ต้องมีการพัฒนาขั้นสูงในการบริหารงาน มีทัศนคติที่ดี แม้ว่าจะไม่ชอบรัฐบาล หรือตนเอง แต่ต้องแยกแยะ และรักประเทศของตนเอง โดยการทำงานนั้นต้องคิดในกรอบและนอกกรอบ ซึ่งรัฐบาลพยายามปรับกฎหมายให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อรองรับกับสถานการณ์ใหม่ และในปีนี้จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ไปสู่การต่อต้านทุจริต ซึ่งมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ได้สอบถามมาโดยตลอดทั้งในเรื่องที่มีข้อสงสัย และที่ผ่านมามีข้าราชการถูกฟ้องในเรื่องที่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใส เพียงแต่สังคมไม่รู้ และย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยไปแทรกแซงหรือสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ เพราะต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของกันและกัน และหลังจากนี้ ข้าราชการทุกระดับจะมีตัวชี้วัดเพิ่มเติม ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกำลังการดำเนินการอยู่ และการทำงานก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาใจรัฐบาล แต่ต้องทำงานให้ผลงานปรากฎ ทำให้ประชาชนเกิดความพอใจ

"ตนเองไม่ใช่ศัตรูกับใคร เพราะวันนึงก็ต้องกลับไปเป็นประชาชนคนหนึ่ง และทุกอย่างรัฐบาลยังคงเดินหน้าตามโรดแมพ ที่ได้กำหนดไว้"นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับ กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมประกอบด้วยปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการกระทรวง อธิบดี รองอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด กรรมการข้าราชการพลเรือน ปลัดกรุงเทพมหานคร และรองปลัดกรุงเทพมหานคร รวม 850 คน

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีกล่าวสั้นๆ ถึงกรณีที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป 90 ว่า ไม่มีใบสั่งใดๆทั้งสิ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ